บรรดาตลาดหุ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างทยอยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่อาจขยายตัว โดยมีปัจจัยการเปลี่ยนแปลงนโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) เป็นอีกตัวเร่ง
ดัชนี MSCI ASEAN ปรับตัวขึ้นกว่า 3% นับตั้งแต่ถ้อยแถลงของ Jerome Powell ประธาน Fed เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นดัชนีที่ปรับตัวขึ้นร้อนแรงกว่าดัชนีหุ้นตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและหุ้นทั่วโลก และเป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน หลังจากผลงานที่น่าผิดหวังเกือบทั้งปี อันเนื่องมาจากการไหลออกของเงินทุนต่างประเทศและการชะลอตัวของการส่งออกในภูมิภาค
การประกาศหั่นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในปีหน้า และเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ก่อให้เกิดความสนใจในตลาดเกิดใหม่ การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของห่วงโซ่อุปทานในอาเซียน และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ทำให้ประตูสู่การสร้างรายได้ที่ดีขึ้นในภูมิภาคกลับมาอีกทั้ง นอกจากนี้รัฐบาลในประเทศก็กำลังดำเนินมาตรการเพื่อสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศอีกด้วย
Pauline Ng ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ JPMorgan Asset Management กล่าวว่า โดยรวมแล้วมูลค่าของหุ้นในอาเซียนมีความน่าสนใจกว่าที่เคยเป็นมาในช่วงหลายปีนี้ และเมื่อประกอบกับโครงสร้างในระยะยาว ตลาดหุ้นอาเซียนจึงอาจนำเสนอโอกาสที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนในเวลานี้
ตามข้อมูลที่รวบรวมโดย Bloomberg ดัชนี MSCI ASEAN มีการซื้อขายที่ P/E ล่วงหน้าเพียง 12.9 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปีที่ 14.9 เท่า ตลาดส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้มีการซื้อขายต่ำกว่าการประเมินมูลค่าเฉลี่ยในระยะยาวเช่นกัน
Kenneth Tang ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโออาวุโสของ Nikko Asset Management เชื่อว่าอินโดนีเซียเป็นตลาดที่น่าสนใจจากปัจจัยที่กำลังขับเคลื่อนในประเทศและมีแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจ ซึ่งได้รับประโยชน์จากนโยบายที่ก้าวหน้าของรัฐบาลและบทบาทในห่วงโซ่อุปทานแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ดัชนี Jakarta Composite อยู่ห่างจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไม่ถึง 2% นอกจากนี้ Tang ยังชื่นชอบเวียดนาม ซึ่งอาจกลายเป็นมหาอำนาจด้านการผลิตในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะสดใสสำหรับหุ้นอาเซียน ปัญหาต่างๆ เช่น ความเป็นไปได้ของภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ และอุปสงค์ภายนอกภูมิภาคที่ยังคงอ่อนแอได้ปรากฏต่อประเทศผู้ส่งออกของภูมิภาค
เศรษฐกิจส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้คาดว่าจะเติบโตเร็วขึ้นในปีหน้า เมื่อเทียบกับปี 2023 ข้อมูลที่น่าแปลกใจคือจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอาจช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นไทยโดยเฉพาะ เนื่องจากภาคส่วนนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศ JPMorgan Chase แนะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทย ส่วนหนึ่งมาจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง
อ้างอิง: