ในฟุตบอลยูโร 2020 อิตาลีเป็นหนึ่งในทีมที่เล่นได้อย่างน่าประทับใจที่สุดแม้จะไม่ได้มีซูเปอร์สตาร์ล้นฟ้าเหมือนในอดีต แต่นักเตะที่ โรแบร์โต มันชินี เลือกมาติดทีมล้วนแต่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมและมีความเป็นทีมเวิร์กสูง
แต่ถึงจะไม่มีซูเปอร์สตาร์ที่โดดเด่นแค่คนเดียว ก็ยังมีหนึ่งในนักเตะที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมสม่ำเสมอและมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อทีม ซึ่งนอกเหนือจาก ชิโร อิมโมบิเล, ลอเรนโซ อินซิเญ, เลโอนาร์โด สปินาซโซลา (ผู้โชคร้าย), เลโอนาร์โด โบนุชชี, จอร์โจ คิเอลลินี และ จานลุยจิ ดอนนารุมมา แล้ว
อีกคนที่เล่นได้ดีตั้งแต่เกมแรกเป็นต้นมาโดยไม่มีแผ่วเลยคือ จอร์จินโญ มิดฟิลด์ตัวคุมจังหวะเกมของทีมที่ไม่ว่าจะต้องเล่นร่วมกับ นิโคโล บาเรลลา, มาร์โก แวร์รัตติ หรือ โดเมนิโก โลคาเตลลี ก็เข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี
โดยบทบาทหน้าที่ของจอร์จินโญนั้นชัดเจน เขาคือคนกำหนดจังหวะในการเล่นของทีม ไม่ต่างอะไรจาก ‘เมโทรนอม’ หรือเครื่องเคาะจังหวะที่จะบอกว่าจังหวะนี้จะเล่นช้า หรือจังหวะนี้จะเล่นเร็ว
ตลอดทัวร์นาเมนต์ที่ผ่านมาดาวเตะวัย 29 ปีผู้นี้คุมจังหวะการเล่นของทีมได้ดั่งใจต้องการ ผ่านการออกบอลง่ายๆ การเล่นไม่มีอะไรสลับซับซ้อน รับบอล ส่งบอล รับบอล ส่งบอล วนไปแบบนี้ แต่การเล่นง่ายๆ แบบนี้กลับเป็นการเล่นที่ยากที่สุด
ไม่ใช่ทุกคนบนโลกจะมีความสามารถนี้ ใน 10 ปีที่ผ่านมามีเพียง ชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรส อิเนียสตา และรุ่นพี่ของเขา อันเดรีย ปิร์โล ที่อยู่ในระดับเดียวกันหรือสูงกว่า
กระนั้นจอร์จินโญก็เกือบจะไม่ได้โอกาสในการเล่นทีมชาติแล้ว หากมันชินียึดมั่นในสิ่งที่เขาเคยพูดไว้เมื่อ 6 ปีที่แล้ว
“ผมคิดว่านักเตะอิตาเลียนควรจะได้โอกาสในการเล่นให้ทีมชาติ” มันโชกล่าวไว้ในช่วงที่เขายังคุมทีมอินเตอร์ มิลานอยู่ “คนที่ไม่ได้เกิดที่อิตาลี ต่อให้จะมีความเกี่ยวพันทางสายเลือดผมก็คิดว่าไม่สมควรที่จะติดทีมชาติ นั่นคือความเห็นของผม”
เพราะความจริงแค่ชื่อของเขาก็รู้แล้วว่าจอร์จินโญไม่ได้เป็นนักเตะอิตาเลียนแท้ๆ
เขาคือคนบราซิลที่เกิดที่เมืองอิมบิตูบาในประเทศบราซิล
View this post on Instagram
หลังเขาย้ายมาอยู่กับเชลซี จอร์จินโญพาแม่มาที่ร้านค้าของสโมสรและทำให้เราได้เห็นภาพประทับใจนี้ (แนะนำให้กดดูไปเรื่อยๆ นะ)
ชีวิตของจอร์จินโญเหมาะจะเป็นเรื่องเล่าในรายการพอดแคสต์ได้อย่างดี เพราะมีจุดพลิกผันที่น่าสนใจอยู่หลายจุด
อย่างแรก แม้จะเกิดที่บราซิลแต่เขาก็มีสายเลือดอิตาลีอยู่ในตัวผ่านทางคุณทวด จาโคโม เฟรลโล ซึ่งเป็นชาวเมืองเวเนโตที่ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ในบราซิล (ดังนั้นมันเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาได้ติดทีมชาติอิตาลีจนถึงทุกวันนี้)
อย่างที่สอง คนที่สอนฟุตบอลเขาไม่ใช่พ่อ เพื่อน หรือครูที่ไหน แต่เป็นคุณแม่! มาเรีย เทเรซา เฟรตัส ที่เป็นคนสอนวิชาลูกหนังให้กับจอร์จินโญตั้งแต่เด็กๆ
“แม่ของผมเล่นฟุตบอล ดังนั้นผมจึงเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากแม่” จอร์จินโญเคยเปิดเผยไว้เมื่อปี 2013 “เธอยังคงเล่นฟุตบอลอยู่เลยและเข้าใจเกมอย่างมาก แม่ชอบพาผมไปเล่นฟุตบอลที่ชายหาด และผมก็จะใช้เวลาทั้งช่วงบ่ายนั้นฝึกเรื่องเทคนิคการเล่นบนผืนทรายที่ชายหาด”
ส่วนความสามารถในการแก้ไขปัญหาและสถานการณ์ในสนามนั้น เขาบอกว่าเป็นเพราะแม่สอนให้เขาเติบโตมาพร้อมกับการเผชิญปัญหา นั่นทำให้ไม่ว่าอะไรก็ตามที่อยู่ตรงหน้าเขาจะสามารถหาทางออกให้กับมันได้เสมอ
แม่ยังเป็นคนที่ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อสนับสนุนให้ลูกชายได้เล่นฟุตบอล ทำงานหนักเพื่อหาเงินมาซื้อรองเท้าฟุตบอลและลูกบอลให้ และยังพาเขาไปเล่นในทีมท้องถิ่นที่ชื่อบรุสเซาอีกด้วย
จนอายุ 13 ปี ที่เขาได้โอกาสให้เข้าร่วมในโครงการเฟ้นหานักเตะบราซิลเลียนรุ่นใหม่ที่จะได้โอกาสไปเล่นฟุตบอลอาชีพที่อิตาลี เพราะนายทุนของโครงการนี้เป็นชาวอิตาเลียน และนั่นเป็นช่วงเวลาที่เขาต้องจากแม่ไปไกล อยู่ห่างกัน 180 กิโลเมตร
สำหรับจอร์จินโญ ความทรงจำในช่วง 2 ปีนั้นคือความทรงจำที่ขมขื่น เพราะสภาพแวดล้อมของอคาเดมีนั้นเลวร้ายอย่างมาก ไม่มีน้ำอุ่นให้อาบในคืนที่เหน็บหนาว ไม่มีหน้าต่างให้ปิดเพื่อป้องกันลม
และที่สำคัญคือไม่มีคุณแม่อยู่ใกล้ๆ
แต่ด้วยความทุ่มเทตลอด 2 ปีทำให้เขาได้รับเลือกให้ไปร่วมทีมอคาเดมีของเฮลลาส เวโรนา สโมสรในระดับเซเรีย บี ที่ซึ่งเขาถูกเอเจนต์ยักยอกเงินไปกว่า 27,000 ยูโร และทำให้เขาเหลือเงินให้ใช้จ่ายเพียงแค่สัปดาห์ละ 18 ยูโรเท่านั้น
ณ เวลานั้น จอร์จินโญสิ้นหวัง เงินที่ควรจะเป็นของเขาก็ถูกเอาไปจนหมด อยู่ต่างแดน ไกลบ้าน ไม่ได้เจอแม่ นั่นทำให้เขาคิดที่จะเลิกเล่นฟุตบอลเลยทีเดียว ทั้งๆ ที่เวลาลงสนามทีไรเขาก็เล่นได้อย่างโดดเด่นกว่าใครเพื่อนเสมอ จนได้รับสมญาว่า ‘หมาป่าแห่งอนาคต’
โชคดีสำหรับวงการฟุตบอลอิตาลีที่แม่ของเขาไม่เคยสอนให้ลูกยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่สู้ และนั่นทำให้เขาเริ่มกลับมาพยายามอีกครั้งแม้ว่ามันจะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม
ด้วยความที่มาคนเดียว เป็นคนไกลบ้าน ไม่มีญาติพี่น้องที่อิตาลี และไม่มีสัญชาติด้วย จอร์จินโญต้องพักอาศัยในอคาเดมีของสโมสร ซึ่งเขาไม่สามารถปรับตัวได้และไม่สามารถจะใช้ชีวิตในโรงเรียนประจำกับเพื่อนได้
ช่วงนั้นไม่มีคืนไหนที่เขาไม่ร้องไห้
“ผมไม่สามารถทำอะไรได้เลย” เขาเล่าถึงช่วงชีวิตที่แสนลำบากตอนนั้น “ผมใช้เงิน 5 ยูโรในการเติมเงินในโทรศัพท์มือถือ ซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นซึ่งนั่นก็เป็นเงิน 15 ยูโรแล้ว ส่วนที่เหลือเขาจะเก็บเอาไว้ใช้ต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อคุยกับที่บ้าน”
จอร์จินโญต้องอยู่ในสภาพนี้เป็นระยะเวลาร่วมปีครึ่ง โดยที่เขายังโชคดีที่มีผู้ใหญ่อย่าง ริคคาร์โด พิสชิเตลลี อดีตผู้อำนวยการสโมสรของเวโรนาที่คอยดูแลเขาอยู่ และพยายามช่วยเหลือเท่าที่จะช่วยได้ ให้เงินสัปดาห์ละ 20 ยูโร หรือ 50 ยูโรบ้าง และฝากเขาไว้กับบาทหลวงโดยให้พักที่โบสถ์
จนเมื่อขึ้นปี 2 ของชีวิตที่อิตาลีที่เขาได้เริ่มซ้อมกับทีมชุดใหญ่ก็ได้พบกับ ราฟาเอล ปินเญโร ผู้รักษาประตูชาวบราซิลของทีมที่เอ็นดูจอร์จินโญเหมือนน้อง และเมื่อรู้ถึงชีวิตที่ยากลำบากของเขาแล้ว ราฟาเอลก็ไม่เคยปล่อยให้น้องต้องขาดอะไรอีกเลย
และเพราะความตั้งใจของเขาเองที่ไม่ยอมแพ้เด็ดขาด ทำให้สุดท้ายแล้วเขาได้โอกาสแจ้งเกิดกับเวโรนา ก่อนจะถูกทีมใหญ่อย่างนาโปลีซื้อตัวไปร่วมทีมในเวลาต่อมา และได้พบกับ เมาริซิโอ ซาร์รี นายใหญ่ที่ขัดเกลาเขาให้กลายเป็นสุดยอดกองกลางฉบับ ‘Resista’ หรือตัวคุมเกมในปัจจุบัน
ท่ายิงจุดโทษอันเป็นเอกลักษณ์ที่เจ๋งไม่แพ้ปาเนนกา
แม้จะเป็นลูกตัดสิน แต่จอร์จินโญก็ยังรักษาความเยือกเย็นและหลอกจน อูไน ซิมมอน หลง และเลือกยิงนิ่มๆ เข้าไป
ถึงจะเป็นคนบราซิล แต่เพราะความผูกพันทำให้เขาต้องการจะรับใช้ทีมชาติอิตาลี โดยเขาประกาศเองว่าต้องการเล่นให้ ‘อัซซูรี’ และได้รับการเรียกตัวจาก อันโตนิโอ คอนเต ในปี 2016 แต่ก็ไม่เคยได้เล่นเกมแข่งขันอย่างเป็นทางการ จนมีข่าวว่า ติเต โค้ชทีมชาติบราซิลจะเรียกตัวเขาไปติดทีมชาติบราซิลแทน
แต่จอร์จินโญก็ยืนกรานจะเล่นให้อิตาลี และสุดท้ายเขาก็ได้โอกาสจาก จาน ปิเอโร เวนตูรา ที่เคยมองข้ามเขามาตลอดในปี 2017 ก่อนจะก้าวผ่านทุกอุปสรรคจนกลายเป็นเสาหลักในการคุมจังหวะของทีมในเวลานี้
ในคืนนี้เขาจะเป็นหนึ่งในขุนพลที่จะลงสนามลุ้นแชมป์ฟุตบอลยูโร กับทีมที่เจ้าภาพร่วมที่เป็นเหมือนเจ้าบ้าน (และแทบจะเป็นเจ้าภาพเดี่ยว เพราะลงเล่นต่อหน้าแฟนบอลตัวเอง 6 จาก 7 นัด) อย่างอังกฤษ
เขาจะได้เผชิญหน้ากับเหล่านักเตะที่เคยประลองเพลงแข้งมาในพรีเมียร์ลีกอย่าง ดีแคลน ไรซ์, คาลวิน ฟิลลิปส์, ราฮีม สเตอร์ลิง, แฮร์รี เคน รวมถึงเพื่อนร่วมทีมของเขาเองอย่าง เมสัน เมาท์ ด้วย
หากเขาพาทีมคว้าแชมป์ยูโรหนนี้ได้ นั่นจะทำให้เขาคว้าแชมป์ทั้งแชมเปียนส์ลีกและยูโรได้ในปีเดียวกัน ทำให้มีคนเริ่มแซวกันว่าบางทีจอร์จินโญอาจจะได้เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลบัลลงดอร์ประจำปีนี้ด้วยก็เป็นได้
แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น จุดนี้สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือถ้วยอองรี เดอโลเนย์ ที่อยากจะเอามาให้แม่ภูมิใจก่อน 🙂
อ้างอิง:
- https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-9772277/Euro-2020-final-Jorginho-Ballon-dOr-contender-Italy-Chelsea.html
- https://www.theguardian.com/football/2021/jul/07/jorginho-metronomic-presence-beating-heart-of-italy-euro-2020-final
- https://www.thesun.co.uk/sport/football/6843120/italy-jorginho-mum-brazil-beaches-euro-2020/?utm_source=pocket_mylist
- https://weaintgotnohistory.sbnation.com/2018/8/16/17692946/a-classic-brazilian-no-8-made-in-italy-jorginho-carries-on-the-family-business?utm_source=pocket_mylist