จากฤดูกาลแห่งความล่มสลายของทีมที่เคยลุ้นถึง 4 แชมป์ในฤดูกาลที่แล้วที่หมดลุ้นทุกรายการในฤดูกาลนี้ ทุกคนในสโมสรยอมรับว่าถึงเวลาที่สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงจะพัดพาเข้ามาที่แอนฟิลด์อีกครั้ง และการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ได้หมายถึงเพียงแค่การหานักเตะเข้ามาเสริมทัพเท่านั้น
ตำแหน่งสำคัญที่จะมีการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกันคือตำแหน่งผู้อำนวยการสโมสรฝ่ายกีฬา ซึ่ง จูเลียน วอร์ด ที่เข้ามารับตำแหน่งต่อจาก ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ เมื่อช่วงฤดูร้อนปีกลาย ได้สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนเมื่อแจ้งต่อลิเวอร์พูลว่าเขาต้องการที่จะอำลาตำแหน่งหลังสิ้นสุดฤดูกาลนี้ และจะขอพักจากเกมฟุตบอลสักระยะ
สำหรับสโมสรที่มีโครงสร้างในการบริหารงานชัดเจนอย่างลิเวอร์พูล ตำแหน่งผู้อำนวยการสโมสรเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง และนั่นทำให้พวกเขาพยายามที่จะตามหาตัวตายตัวแทนคนใหม่ให้ได้อย่างน้อยก่อนที่จะถึงช่วงฤดูร้อนของฤดูกาลนี้
และไม่นานมานี้ปรากฏรายงานข่าวว่าลิเวอร์พูลใกล้ที่จะได้ตัวผู้อำนวยการสโมสรคนใหม่แล้ว ยอร์ก ชมัดท์เค
เชื่อว่าน่าจะมีหลายคนที่แอบสงสัย พี่เขาคือใครกันนะ?
ชมัดท์เคอาจจะไม่ใช่คนชื่อคุ้นหูสำหรับแฟนฟุตบอลอังกฤษมากนัก แต่ในวงการฟุตบอลเยอรมนีแล้วเขาถือเป็นหนึ่งในคนที่ได้รับการยอมรับในฐานะผู้อำนวยการสโมสรฝีมือดี ที่มีฝีปากดีไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
อดีตผู้รักษาประตูของฟอร์ทูนา ดุสเซลดอร์ฟ และไฟร์บวร์ก ในช่วงยุค 80 และ 90 ผ่านการทำงานมากับหลายสโมสร ไม่ว่าจะเป็นนักฟุตบอล ผู้จัดการทีม (โค้ช) และผู้อำนวยการสโมสร โดยเฉพาะบทบาทหลังสุดที่ส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จในการมีส่วนช่วยวางแนวทางทีม โดยมีความโดดเด่นในเรื่องของการใช้เงินทำทีมน้อยแต่ได้ผลตอบแทนมาก
สโมสรล่าสุดที่ควรจะเป็นสโมสรสุดท้ายคือโวล์ฟสบวร์ก ซึ่งชมัดท์เคมีส่วนในการช่วยพลิกฟื้นทีมที่อยู่ในโซนท้ายตารางให้กลับมาเป็นทีมที่มีลุ้นไปแชมเปียนส์ลีกได้อย่างน่าประทับใจ
แต่ข้อมูลที่น่าสนใจที่สุดคือเรื่องที่มีการพูดกันว่าเขาเป็น ‘คนคุ้นเคย’ ของ เจอร์เกน คล็อปป์
เรื่องนี้ ราฟาเอล โฮนิกสไตน์ ผู้สื่อข่าวชาวเยอรมัน เปิดเผยผ่าน The Athletic สื่อกีฬาระดับโลกว่า ข้อเท็จจริงคือในการทำงาน 4 ทศวรรษของชมัดท์เคไม่เคยมีการทำงานร่วมกับคล็อปป์อย่างจริงจัง
ยกเว้นครั้งเดียวที่ทั้งสองเคยทำงานร่วมกันคือการเป็นผู้เล่นในทีมฟอร์ทูนา ดุสเซลดอร์ฟ ช่วงปี 1986 และความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองในช่วงเวลานั้นก็ไม่ได้เป็นความสัมพันธ์ที่ดีสักเท่าไร
คล็อปป์เป็นคนเปิดเผยเรื่องนี้เองผ่านหนังสือพิมพ์ Wolfsburger Allgemeine Zeitung เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า “ตอนนั้นผมอายุ 19 ปี และมีความฝันที่อยากจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ผมไปทดสอบฝีเท้าที่ฟอร์ทูนา ซึ่งตอนนั้นชมัดท์เคเป็นผู้รักษาประตูและเป็นคนดังของที่นั่น
“วันนั้นผมพยายามทุ่มเททุกอย่าง วิ่งเหมือนคนบ้า แต่จะให้ผมพูดอย่างไรดี? ผมมันก็แค่คนไม่ได้เรื่อง และผมคิดว่าชมัดท์เคน่าจะจำเรื่องนี้ได้ดี
“เขาไม่เคยยื่นข้อเสนอให้ผม (คุมทีม) ในสโมสรไหนก็ตามของเขาเลย เขาคงต้องคิดว่า ถ้าคล็อปป์มันเตะบอลไม่เป็น มันก็ไม่น่าจะเป็นผู้จัดการทีมที่ดีได้เหมือนกัน”
สำหรับชมัดท์เค เขาเองก็ไม่ได้เป็นผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จอะไร เขาเคยคุมทีมเยาวชนของฟอร์ทูนาและไฟร์บวร์ก โดยที่เรียนวิศวกรรมและเศรษฐศาสตร์ไปด้วยในเวลาเดียวกัน และเขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนของวงการฟุตบอลเยอรมนีที่จบการศึกษาในระดับ ‘Abiturenten’
หลังจากนั้นชมัดท์เคได้รับงานผู้ช่วยโค้ชในทีมโบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค และกลับมาเป็นโค้ชผู้รักษาประตูในทีมฟอร์ทูนา ก่อนที่ชีวิตของเขาจะพลิกผันอย่างสิ้นเชิงเมื่ออ่านเจอประกาศรับสมัครงานในนิตยสาร Kicker ฉบับหนึ่งเมื่อปี 2001 (ใช่! ประกาศรับสมัครงาน!)
ประกาศดังกล่าวระบุว่า สโมสรอาเลมานเนีย อาเคน สโมสรในระดับบุนเดสลีกา 2 รับสมัครผู้อำนวยการสโมสร ซึ่งเป็นงานที่เขาสนใจในทันที ก่อนที่จะส่งใบสมัครไปและได้โอกาสเข้าสัมภาษณ์งาน
สิ่งที่ทำให้เขาชนะคู่แข่งอีก 2 คนคือการเตรียม ‘PowerPoint’ ไปพรีเซนต์!
นับจากนั้นเป็นต้นมาชมัดท์เคก็ทำงานในฐานะผู้อำนวยการสโมสรในเยอรมนีมาโดยตลอด โดยกับอาเคน สโมสรประสบความสำเร็จ นอกจากการได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่บุนเดสลีกาแล้ว ยังเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลเดเอฟเบ โพคาล และยูฟ่าคัพด้วย
สโมสรต่อๆ มาอย่างฮันโนเวอร์ 96 (2009-2013) และโคโลญจน์ (2013-2017) เขาก็ยังมีส่วนช่วยให้ประสบความสำเร็จถึงขั้นไปลุยสโมสรยุโรปได้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ใช้งบประมาณอะไรมากมาย ก่อนที่จะมาอยู่กับโวล์ฟสบวร์ก ซึ่งก็อย่างที่บอกข้างต้นว่ามีส่วนในการพลิกฟื้นโชคชะตาของสโมสรได้อย่างน่าประทับใจ
จุดเด่นในการทำงานของชมัดท์เคที่คนในวงการฟุตบอลเยอรมนียกย่องคือการที่ผิดพลาดน้อยมากในการเลือกโค้ชหรือนักฟุตบอลเข้าสู่สโมสร เรียกว่า ‘ตาถึง’
แต่คำถามคือ ถ้าเก่งขนาดนี้ทำไมถึงไม่เคยได้โอกาสในการทำงานกับสโมสรใหญ่เลย?
ในมุมมองของผู้สื่อข่าวที่เชี่ยวชาญวงการฟุตบอลเยอรมนีอย่างโฮนิกสไตน์ เชื่อว่าสิ่งที่ทำให้ชมัดท์เคไม่เคยได้โอกาสในการทำงานกับสโมสรใหญ่มาจากการที่เขาเป็นคนที่ทำงานด้วยยากพอสมควร เพราะเป็นคนที่ ‘ขวานผ่าซาก’ พูดไม่คิด อีกทั้งเป็นคนขี้โมโห เจ้าอารมณ์
ช่วงที่ทำงานกับโวล์ฟสบวร์ก เขาเคยเปิดเผยว่ามีปัญหากับ บรูโน ลาบบาเดีย โค้ชของทีม เพราะ “ผมไม่ยอมแลกเปลี่ยนสูตรอาหารและวางแผนไปเที่ยวพักร้อนกับเขา” ซึ่งอดีตศูนย์หน้าระดับตำนานวงการลูกหนังเมืองเบียร์ย้ายไปคุมแฮร์ธา เบอร์ลินในเวลาต่อมา
แม้กระทั่งกับ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ ที่เข้ามาทำทีมต่อจากลาบบาเดีย และสามารถนำโวล์ฟสบวร์กจบด้วยการเป็นท็อปโฟร์ได้ ก็ยังมีปัญหาในเรื่องความคิดเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับนโยบายในการซื้อขายผู้เล่น จนถึงขั้นออกมาเปิดปากกันผ่านสื่อ
“ความคิดของเขาไม่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง นี่มันไม่เหมือนการไปสวนสนุกนะ” ชมัดท์เคกล่าวถึงกลาสเนอร์ที่บ่นเรื่องของการขาดแคลนผู้เล่นกองหน้าที่มีความรวดเร็ว
ทั้งนี้ ต้องอธิบายก่อนว่าในวงการฟุตบอลเยอรมนีนั้น ผู้อำนวยการสโมสรถือเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญ เพราะตำแหน่งนี้คือคนที่จะอยู่วางแนวทางให้สโมสรในระยะยาว ขณะที่ผู้จัดการทีมนั้นมาแล้วก็ไป ดังนั้นตำแหน่งนี้ถือว่ามีหน้ามีตา มีปากมีเสียงพอสมควร และนั่นทำให้ชมัดท์เคพร้อมที่จะเปิดปากวิพากษ์วิจารณ์ได้ (และสื่อก็ชอบจะถามเขาด้วย)
อย่างไรก็ดีคนที่คุ้นเคยกับ ‘ชมัดดี’ (ชื่อเล่นที่คนตั้งให้) จะรู้ว่าลึกๆ แล้วถึงจะมีความปากแจ๋ว แต่เนื้อในเป็นคนนิสัยดี
ทีนี้มาถึงคำถามสำคัญว่า ตกลงแล้วชมัดท์เคจะรับงานกับลิเวอร์พูลจริงหรือไม่?
ในความเห็นของโฮนิกสไตน์ เขาพูดแทนมุมมองของคนลูกหนังเยอรมนีว่า “มันเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการถึงการที่ชมัดท์เคจะไปทำงานในต่างประเทศ หรือกับตำแหน่งที่จะไม่มีอำนาจตัดสินใจเด็ดขาดในทางฟุตบอล”
เพราะที่ลิเวอร์พูล เขาจะไม่ได้เป็น ‘บิ๊ก’ เหมือนที่อยู่กับโวล์ฟสบวร์ก ฮันโนเวอร์ หรือโคโลญจน์ ที่แอนฟิลด์เขาจะต้องเป็นกระบี่มือสอง เป็นมือรองของคล็อปป์ เป็นคนที่อยู่ได้แค่ในเงา
แต่อีกสิ่งที่น่าสนใจคือคำกล่าวสดุดีของคล็อปป์ที่มีต่อชมัดท์เค ซึ่งประกาศอำลาโวล์ฟสบวร์กและวางมือจากงานในวงการเมื่อต้นปีที่ผ่านมาในวัย 59 ปีว่า “ผมอยากจะทำงานร่วมกับเขา ผมมั่นใจว่ามันน่าจะออกมาดีนะ
“เขาเป็นคนที่โดดเด่นและเป็นคนที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยตลอด 38 ปีที่ผ่านมา เขาเป็นตัวของตัวเองเสมอ วงการฟุตบอลจะคิดถึงเขาแน่”
น่าคิดว่าคำพูดดังกล่าวอาจมีส่วนหรือไม่กับการโยงชมัดท์เคเข้ากับตำแหน่งงานในลิเวอร์พูล? ซึ่งโฮนิกสไตน์ชี้ว่าเป็นกระแสข่าวจากสายเมอร์ซีย์ไซด์
ล่าสุดคนข่าวดังอย่าง ฟาบริซิโอ โรมาโน ก็เป็นหนึ่งในคนที่ออกมายืนยันว่ามีการเจรจาเกิดขึ้นจริง และชมัดท์เคตกลงที่จะรับงานแล้ว และจะมีสัญญาถึงปี 2026 โดยจะอำลาทีมพร้อมกับคล็อปป์ที่มีสัญญาถึงปีนั้น
จริงหรือเท็จอย่างไร อีกไม่นานเชื่อว่าจะมีคำตอบออกมา
อ้างอิง: