กฎหมายลดอัตราเงินเฟ้อหรือ IRA โดยเฉพาะเครดิตภาษี EV ของ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ผล ล่าสุดบรรดาผู้ผลิตแบตเตอรี่ EV จากฝั่งเอเชีย ทั้งจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี พากันไปลงทุนตั้งฐานผลิตตลาดสหรัฐฯ อย่างคึกคัก หนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเติบโตเร็วเกินคาด
สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ตลาดอเมริกาตอนเหนือกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และตลาดสหรัฐฯ เต็มไปด้วยผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ 10 อันดับแรกของโลก โดยขณะนี้คาดว่ามีการลงทุนรวมประมาณ 1.4 แสนล้านดอลลาร์ ปัจจัยหลักมาจากกฎหมายลดอัตราเงินเฟ้อของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ให้เครดิตภาษีสูงถึง 7,500 ดอลลาร์ แก่ผู้บริโภคที่ซื้อรถยนต์ใหม่ รวมถึงผู้ผลิต EV ที่ประกอบในอเมริกาเหนือ
นอกจากนี้ยังให้การสนับสนุนการลงทุนในห่วงโซ่อุปทาน EV ทั้งหมด โดยคาดว่ามาตรการที่วางไว้จะช่วยให้เกิดการลงทุนมูลค่ารวม 3.69 แสนล้านดอลลาร์ ในอีก 10 ปีข้างหน้า
ในจำนวนนี้ สัดส่วนกว่า 50% จะเป็นผู้ผลิตรถยนต์ของสหรัฐฯ อย่าง GM และ Ford 20% อีก 20-30% คือ Toyota และ Honda จากญี่ปุ่น และส่วนที่เหลือเป็นของบริษัทยุโรปและเกาหลีใต้
ส่องบิ๊กโปรเจกต์ที่จะเกิดขึ้นในสหรัฐฯ
ตัวอย่างโครงการลงทุนที่กำลังจะเกิดขึ้น เช่น GM ตั้งเป้าที่จะลงทุน 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไร้คนขับภายในปี 2025 พร้อมทั้งสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 4 แห่ง ในขณะที่ Ford ทุ่มลงทุน 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ในโครงการที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้าและโครงการอื่นๆ ภายในปี 2025 ขณะที่ Toyota มีแผนก่อตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา โดยมีเป้าหมายที่จะเริ่มดำเนินการในปี 2025
Honda วางแผนที่จะลงทุนประมาณ 700 ล้านดอลลาร์ เพื่อปรับปรุงโรงงาน 3 แห่งในโอไฮโอ สำหรับการผลิต EV มูลค่ารวม 4.4 พันล้านดอลลาร์ จะลงทุนในโรงงานร่วมทุนแบตเตอรี่กับบริษัท LG Energy Solution ของเกาหลีใต้
นอกจากนี้ยังมีบริษัทต่างๆ ของเกาหลีใต้แสดงความสนใจที่จะลงทุนในสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็น Hyundai Motor ที่ระบุว่ามีแผนจะลงทุน 7.4 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2025 Volkswagen ของเยอรมนีจะลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโรงงาน EV แห่งใหม่ในเซาท์แคโรไลนาภายในสิ้นปี 2026 และจะใช้เงิน 5.15 พันล้านดอลลาร์ สำหรับโรงงานแบตเตอรี่ EV แห่งใหม่ในแคนาดา
รายงานข่าวยังระบุอีกว่า การลงทุนในตลาดสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่แบตเตอรี่ ซึ่งเป็นตัวกำหนดสำคัญต่อการแข่งขันของรถยนต์ไฟฟ้า โดยคาดว่ากำลังการผลิตแบตเตอรี่ของสหรัฐฯ จะเพียงพอที่จะครอบคลุมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 13 ล้านคันในปี 2030 เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำของโลก
GM, Ford, Rivian พร้อมรุกตลาดสหรัฐฯ ท้าชน Tesla
นอกจากนี้ ล่าสุดบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่นอย่าง Panasonic ประกาศขยายการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ Gigafactory รัฐเนวาดา เพื่อป้อนให้กับ Tesla และคาดว่าจะเริ่มสายพานผลิตในอีก 2 ปี
โดยเพิ่มกำลังการผลิต 10% ประสิทธิภาพแบตเตอรี่ 39 กิกะวัตต์ชั่วโมง สำหรับ Tesla Model 3s จำนวน 5-7 แสนคันโดยเฉพาะ
แน่นอนว่าความต้องการแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้นของ Tesla ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเครดิตภาษีใหม่ของสหรัฐฯ ที่สนับสนุนการลงทุน EV และแบตเตอรี่ในสหรัฐฯ จากกฎหมายลดอัตราเงินเฟ้อที่รัฐบาลจะจ่ายเครดิตภาษี 35 ดอลลาร์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง สำหรับเซลล์แบตเตอรี่ที่ผลิตในสหรัฐฯ ซึ่งอาจลดราคารถยนต์ของ Tesla ได้ นอกจากนี้ยังรองรับการผลิตโมดูลแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นประโยชน์โดยตรงสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายอื่นๆ ด้วย
ผู้บริหารของ Panasonic ย้ำว่าบริษัทยังคงระมัดระวังการลงทุน แต่แผนเพิ่มการลงทุนโรงงาน Gigafactory ที่รัฐเนวาดาครั้งนี้ “ยิ่งเราทำแบตเตอรี่ได้มากเท่าไร เราก็ยิ่งทำเงินได้มากขึ้นเท่านั้น” เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐฯ แข่งขันสูงและเต็มไปด้วยผู้ผลิต EV เข้ามาลงทุนต่อเนื่อง แต่ไม่ได้ทำให้ GM และ Ford แผ่วลง แม้แต่ผู้เล่นรายใหม่อย่าง Rivian เองก็พร้อมที่จะเพิ่มการผลิตในตลาดสหรัฐฯ และตั้งเป้าเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่ง เขย่าเจ้าพ่อตลาดอย่าง Tesla ของ อีลอน มัสก์
อ้างอิง: