ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยวานนี้ (4 พฤษภาคม) ว่าเขาจะร่วมหารือกับกลุ่มผู้นำ G7 ในสัปดาห์นี้ เพื่อกำหนดมาตรการคว่ำบาตรระลอกใหม่ต่อรัสเซีย
ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวย้ำกับผู้สื่อข่าวว่า “สหรัฐฯ เองก็พร้อมที่จะออกมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม” หลังจากที่สหภาพยุโรป (EU) เตรียมประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรขั้นรุนแรงที่สุด โดยเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้เสนอให้ชาติสมาชิก EU ระงับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียภายในเวลา 6 เดือน เพื่อหวังกดดันให้รัสเซียยุติการทำสงครามกับยูเครนโดยเร็ว
ทั้งนี้ทำเนียบขาวไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่าผู้นำสหรัฐฯ จะหารือกับกลุ่ม G7 ในประเด็นใดบ้าง ขณะที่ เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาว ก็ปฏิเสธที่จะระบุรายชื่อของบรรดาชนชั้นนำที่สหรัฐฯ อาจกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม แต่กล่าวว่าสหรัฐฯ กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาทบทวนทางเลือกต่างๆ
“ดิฉันพูดได้แค่ว่า คงไม่มีใครรอดพ้นจากมาตรการคว่ำบาตรของเราไปได้” โฆษกทำเนียบขาวระบุ
ด้าน เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ ได้หารือกับชาติพันธมิตรอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการกำหนดชุดมาตรการคว่ำบาตร และพร้อมที่จะเดินหน้าใช้มาตรการอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อกดดันให้รัสเซียยุติปฏิบัติการทางทหารในยูเครน ซึ่งถึงแม้เธอจะไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของมาตรการดังกล่าว แต่ก็เน้นย้ำว่า “สหรัฐฯ พร้อมดำเนินการขั้นต่อไปอย่างแน่นอน” หากรัสเซียยังดึงดันที่จะทำสงครามกับยูเครน
เยลเลนกล่าวว่า เธอเชื่อว่ามาตรการคว่ำบาตรจากบรรดาชาติตะวันตกได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจรัสเซียอย่างมหาศาล อีกทั้งยังตัดช่องทางการลงทุนจากต่างประเทศ และกีดกันไม่ให้รัสเซียสามารถเข้าถึงสินค้าที่จำเป็นต่อการแข่งขันในเศรษฐกิจโลกระยะยาวได้
อย่างไรก็ดี การที่ EU ผลักดันให้ระงับการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียในปีนี้ ก็อาจเป็นปัจจัยที่หนุนให้ราคาน้ำมันโลกพุ่งทะยานขึ้นอีก ซึ่งสหรัฐฯ จะคอยจับตาดูสถานการณ์ดังกล่าวต่อไป โดยในขณะนี้สหรัฐฯ ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรปอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างหลักประกันว่าทุกประเทศจะมีซัพพลายพลังงานที่เพียงพอต่อการใช้งาน
อนึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรหลายต่อหลายชุดที่พุ่งเป้าไปยังธนาคารรายใหญ่และกลุ่มชนชั้นนำของรัสเซีย รวมถึงการสั่งแบนไม่ให้ชาวอเมริกันลงทุนธุรกิจใดๆ ในรัสเซียด้วย
นอกจากนี้ผู้นำสหรัฐฯ ยังได้กล่าวโจมตีรัสเซียอยู่บ่อยครั้ง โดยระบุว่า “การทำสงครามกับยูเครนถือเป็นการก่ออาชญากรรมสงครามครั้งรุนแรง” พร้อมเน้นย้ำว่า สหรัฐฯ จะทำให้รัสเซียรับผิดชอบต่อการก่อสงครามครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่รัสเซียได้ยกระดับปฏิบัติการทหารในทางยูเครนตะวันออก ซึ่งกระทรวงกลาโหมของยูเครนเปิดเผยว่า สงครามที่กินเวลามาเกือบ 10 สัปดาห์นี้ได้คร่าชีวิตผู้คนไปหลายพันคน ขณะที่ประชาชนอีกหลายล้านคนต้องอพยพย้ายถิ่นฐานไปยังที่ปลอดภัย ส่วนอีกหลายเมืองของประเทศถูกถล่มโจมตีราบเป็นหน้ากลอง
นอกจากนี้รัสเซียยังได้ยกระดับปฏิบัติการโจมตีภาคตะวันตกของยูเครนด้วย โดยพยายามที่จะขัดขวางการมอบส่งอาวุธให้กับกองกำลังของยูเครน ขณะที่เบลารุสได้ประกาศการซ้อมรบครั้งใหญ่ ซึ่งต้องจับตากันต่อไปว่าชาติพันธมิตรที่ใกล้ชิดของรัสเซียรายนี้จะมีท่าทีอย่างไรต่อสงคราม
ภาพ: Peter Zay / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง:
