โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เปิดทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา ต้อนรับการมาเยือนของ มุนแจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ที่เดินทางมาร่วมประชุมหารือในประเด็นความร่วมมือต่างๆ ครอบคลุมตั้งแต่การดำเนินการจัดหาวัคซีนโควิด-19, ปัญหาความเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศ, เกาหลีเหนือ ไปจนถึงวาระการเร่งแก้ไขปัญหา ‘ชิปเซมิคอนดักเตอร์ขาดตลาด’ ซึ่งได้ส่งผลกระทบรุนแรงกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี รถยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า
ตามรายงานจาก Bloomberg เปิดเผยว่า นอกเหนือจากการหารือในประเด็นการร่วมกันผลักดันให้การเจรจาหารือร่วมกับเกาหลีเหนือ และคิมจองอึนในประเด็นปลดอาวุธนิวเคลียร์ให้ลุล่วงและสำเร็จเสร็จสิ้นแล้วนั้น ไบเดนยังมองถึงความเป็นไปได้ในการจัดตั้งความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ซึ่งจะเน้นไปที่การเร่งแก้ปัญหาด้านการค้าและเทคโนโลยีเป็นหลัก
โดยที่ไบเดนได้ขอความช่วยเหลือไปยังเกาหลีใต้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในชาติที่เป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมชิปเซมิคอนดักเตอร์ ในการเร่งสนับสนุนซัพพลายเชนของสหรัฐฯ ที่กำลังประสบวิกฤตด้านชิปประมวลผล และสงครามการค้าที่เกิดขึ้นกับประเทศจีน
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ จีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้ประกาศความร่วมมือร่วมกับผู้นำเกาหลีใต้ในการประสานการทำงานเชิงลึกร่วมกันในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งในด้านการเร่งพัฒนาวัคซีนโควิด-19, การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ และการเพิ่มกำลังการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์
ด้านสื่ออย่าง Aljazeera ได้วิเคราะห์ไว้ในช่วงวันพฤหัสบดีก่อนที่มุนแจอินจะเดินทางมายังทำเนียบข่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ไบเดนและสหรัฐฯ จะพยายามโน้มน้าวเกาหลีใต้ให้ก้าวเข้ามาเป็น ‘พันธมิตร’ ที่แน่นแฟ้นของพวกเขาในการจัดหาซัพพลายเชนของชิปเซมิคอนดักเตอร์ (โดยเฉพาะความร่วมมือของบริษัทอย่าง Samsung) และอาจจะรวมถึงการใช้กลยุทธ์ให้เกาหลีใต้ยุติการทำธุรกิจกับจีน
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: