ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงภายหลังปิดฉากการประชุมสุดยอดผู้นำเพื่อประชาธิปไตย ที่จัดขึ้นเป็นเวลา 2 วันผ่านระบบออนไลน์ตั้งแต่วันพฤหัสบดี (9 ธันวาคม) ที่ผ่านมา โดยส่งข้อความถึงบรรดาผู้นำโลก ผู้แทน NGO และองค์กรการกุศลต่างๆ ที่เข้าร่วมประชุม ยืนยันว่า ระบอบประชาธิปไตยนั้นไร้พรมแดนและสามารถพูดได้ทุกภาษา และเป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัวของนักเคลื่อนไหวต่อต้านคอร์รัปชัน ผู้ปกป้องสิทธิมนุษยชนและสื่อมวลชน พร้อมทั้งให้คำมั่นว่าสหรัฐฯ จะทำงานกับทุกประเทศที่มีค่านิยมประชาธิปไตยร่วมกัน และจะยืนหยัดเคียงข้างประเทศที่ให้เสรีภาพแก่ประชาชน
“เรามุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับทุกคนที่มีค่านิยมร่วมกันเพื่อกำหนดกฎระเบียบต่างๆ และสหรัฐฯ พร้อมยืนหยัดเคียงข้างผู้ที่ให้ประชาชนสามารถหายใจได้อย่างอิสระและไม่พยายามทำให้ประชาชนหายใจไม่ออกโดยการใช้อำนาจกดขี่”
ถ้อยแถลงของไบเดน ยังเน้นให้เห็นถึงความสำเร็จของระบอบประชาธิปไตย ทั้งการปกป้องเสรีภาพของสื่อมวลชน ตลอดจนความก้าวหน้าด้านสิทธิสตรี ขณะที่มุ่งมั่นการเพิ่มอำนาจให้แก่ผู้ปกป้องประชาธิปไตย
ซึ่งยังเขากล่าวย้ำเกี่ยวกับการที่โลกกำลังจะไปถึงจุดเปลี่ยนของการต่อสู้ระหว่างระบอบเผด็จการและระบอบประชาธิปไตยที่กำลังถูกโจมตีมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
ทั้งนี้ ไบเดน ยืนยันว่า ผู้นำโลกที่ร่วมประชุมนั้นได้ยินถึงความกังวลของคนหนุ่มสาวที่ออกมาแสดงให้เห็นถึงความชัดเจนต่อความสำคัญที่เสียงของพวกเขาจะต้องถูกรวมอยู่ในระบอบประชาธิปไตย
โดยเขาชี้ว่า แม้แต่ละประเทศจะเผชิญความท้าทายและสถานการณ์ที่แตกต่างกัน แต่ภัยคุกคามที่เผชิญอยู่และทางออกของปัญหาที่ทุกคนต้องการนั้นเหมือนกัน พร้อมทั้งยืนยันว่าการต่อสู้นี้ไม่ใช่ของใครเพียงลำพัง แต่เป็นของทุกคน
“คำมั่นสัญญาที่เรามีต่อตัวเราเอง ต่อประชาชนของเรา ต่อกันและกัน ไม่เพียงแต่จะเสริมสร้างประชาธิปไตยของเราให้แข็งแกร่งด้วยการต่อต้านเผด็จการ การต่อสู้กับการคอร์รัปชันและการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกคน สิ่งนี้จะช่วยให้เกิดพื้นที่อุดมสมบูรณ์สำหรับประชาธิปไตยที่เบ่งบานไปทั่วโลก” ไบเดน กล่าว
ทั้งนี้ในวันแรกของการประชุมผู้นำสหรัฐฯ ยังได้ประกาศทุ่มเงิน 424 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 14.2 พันล้านบาท เพื่อสนับสนุนแคมเปญด้านเสรีภาพสื่อ การเลือกตั้่งที่เป็นธรรมและการต่อต้านคอร์รัปชัน
ขณะที่การประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตยครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางเสียงวิจารณ์และตอบโต้อย่างดุเดือดจากจีนและรัสเซีย ซึ่งเป็น 2 มหาอำนาจที่ไม่ได้รับเชิญให้ร่วมประชุม
โดยจีนนั้นมีท่าทีไม่พอใจอย่างมาก จากการที่ไต้หวัน ซึ่งจีนถือเป็นหนึ่งในมณฑลของตน ได้รับเชิญให้ร่วมประชุม ซึ่ง หม่าเสี่ยงกวง โฆษกด้านกิจการไต้หวันของจีน กล่าวว่าการกระทำของพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (Democratic Progressive Party: DPP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลไต้หวัน ที่ส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุมนั้น เป็นเพียงการใช้ประชาธิปไตยบังหน้าเพื่อแสวงหาเอกราช
ภาพ: Photo by Stefani Reynolds/Bloomberg via Getty Images
อ้างอิง: