ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา ให้สัมภาษณ์ระหว่างเข้าร่วมการประชุมกลุ่มประเทศ G7 ที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ว่าเขาไม่มีความกังวลเกี่ยวกับการเจรจาขยายเพดานหนี้ของรัฐบาลในสภาคองเกรสระหว่างคณะตัวแทนจากพรรครีพับลิกันและเดโมแครต ซึ่งอาจนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกของสหรัฐฯ หากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้
ไบเดนระบุว่า เขายังเชื่อมั่นว่าตัวแทนจากพรรครีพับลิกันและเดโมแครตจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ในท้ายที่สุด แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะมีมุมมองที่ต่างกันในหลายประเด็นจนทำให้การประชุมต้องสะดุดเป็นระยะ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ไบเดนเตือน สหรัฐฯ จ่อเผชิญหายนะทางเศรษฐกิจและการตกงานครั้งใหญ่ หากรีพับลิกันไม่ยอมโหวตยกระดับเพดานหนี้ของรัฐบาล
- เจเน็ต เยลเลน เตือน! สหรัฐฯ อาจผิดนัดชำระหนี้ 1 มิ.ย. นี้ หากคองเกรสไม่เพิ่มหรือระงับเพดานหนี้
- จับตาวิกฤต ‘เพดานหนี้’ เสี่ยงฉุดสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย ป่วนตลาดการเงินโลก
“ผมไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย เราจะหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระได้ในที่สุด การเจรจาในรอบแรกไม่มีความคืบหน้านัก แต่ในรอบที่ 2 และ 3 มันมีความคืบหน้าบางอย่าง” ไบเดนกล่าว
ในช่วงเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา (19 พฤษภาคม) การหารือเพื่อขยายเพดานหนี้ของทั้งสองฝ่ายต้องหยุดชะงักไปจากการวอล์กเอาต์ของฝ่ายรีพับลิกันที่กล่าวโทษฝ่ายเดโมแครตว่าพยายามจะทำให้การประชุมไม่คืบหน้าด้วยการเสนอของบประมาณรายจ่ายในปีหน้าเพิ่มขึ้นจากปีนี้ ซึ่งขัดต่อจุดยืนของรีพับลิกันที่ต้องการให้มีการตัดงบประมาณ
ทั้งสองฝ่ายกลับมาหารือกันอีกครั้งใน 6 ชั่วโมงถัดมา แต่ก็ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้และต้องหยุดชะงักอีกครั้ง โดยล่าสุด เควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งอยู่ฝ่ายรีพับลิกัน ได้ออกมาระบุว่า การเจรจาต่อรองจะกลับมาเดินหน้าอีกครั้งเมื่อไบเดนเดินทางกลับมาจากประชุม G7
“ผมไม่คิดว่าการเจรจาจะมีความคืบหน้าจนกว่าไบเดนจะเดินทางกลับมายังสหรัฐฯ ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา พวกเดโมแครตทำให้การเจรจาถอยหลังเพราะต้องการใช้จ่ายงบประมาณเพิ่มขึ้นจากปีนี้” แมคคาร์ธีกล่าว
อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าความเห็นของไบเดนจะมีความขัดแย้งกับ แครีน ฌอง ปิแอร์ โฆษกของทำเนียบขาว ที่ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่าทั้งสองฝ่ายยังมีความเห็นที่ต่างกันค่อนข้างมากในประเด็นเรื่องงบประมาณรายจ่าย ทำให้การเจรจาเป็นไปด้วยความยากลำบาก
ขณะที่ แพทริก แมคเฮนรี อีกหนึ่งตัวแทนจากฝั่งรีพับลิกันก็ออกมาให้ความเห็นว่า ยังมีอุปสรรคอีกหลายประการที่ทำให้การเจรจาของทั้งฝ่ายไม่คืบหน้าเท่าที่ควรและเขาเองก็ไม่มั่นใจว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้หรือไม่
ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายพยายามต่อรองให้ตัวเองมีความได้เปรียบ คือการกำหนดงบการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยฝ่ายรีพับลิกันต้องการให้รัฐบาลตัดลดงบใช้จ่ายในปีหน้าลงจากเดิม ขณะที่ฝ่ายเดโมแครตไม่พอใจกับแนวทางดังกล่าว เพราะการใช้จ่ายที่ลดลงของภาครัฐอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายหลายอย่างของพรรค ซึ่งจะส่งผลต่อคะแนนความนิยมในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังจะมาถึงและจะทำให้ฝ่ายรีพับลิกันมีแต้มต่อทางการเมือง
ก่อนหน้านี้ไบเดนมีกำหนดการจะต้องเดินทางไปเยือนออสเตรเลียและปาปัวนิวกินี เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับประเทศในแถบอินโดแปซิฟิกเพื่อคานอำนาจกับจีนที่พยายามแผ่อิทธิพลเข้ามาในภูมิภาคนี้มากขึ้น แต่เขาต้องยกเลิกกำหนดการดังกล่าวเพื่อรีบกลับมาเจรจาปัญหาเพดานหนี้แทน
อ้างอิง: