ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ แสดงจุดยืนปกป้องไต้หวัน ระหว่างการตอบคำถามในรายการ Presidential Town Hall ของสถานีโทรทัศน์ CNN ซึ่งเป็นรายการพบปะประชาชน ที่เมืองบัลติมอร์ ในรัฐแมรีแลนด์ เมื่อคืนวานนี้ (21 ตุลาคม)
ในช่วงหนึ่งของการตอบคำถามประชาชน เขาถูกถามว่า สหรัฐฯ จะปกป้องไต้หวันหรือไม่ หากไต้หวันถูกจีนโจมตี ซึ่งผู้ถามหยิบยกกรณีการแสดงแสนยานุภาพของจีนด้วยการทดสอบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก และความตึงเครียดระหว่างจีนกับไต้หวันที่เพิ่มขึ้นอย่างหนักในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยไบเดนให้คำตอบที่ชัดเจนและไม่ลังเลว่า สหรัฐฯ “มีพันธกรณีที่จะปกป้องไต้หวัน”
ก่อนหน้านี้ผู้นำสหรัฐฯ เคยให้คำตอบที่คล้ายคลึงกันระหว่างให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ ABC เมื่อเดือนสิงหาคม โดยยืนยันว่าสหรัฐฯ จะให้การปกป้องพันธมิตรที่สำคัญเสมอ ซึ่งรวมถึงไต้หวัน
ขณะที่โฆษกทำเนียบขาวชี้แจงต่อสื่อมวลชนว่า คำกล่าวของไบเดนไม่ใช่การประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ ของสหรัฐฯ ที่มีต่อไต้หวัน และความสัมพันธ์ด้านกลาโหมระหว่างสหรัฐฯ กับไต้หวันนั้นเป็นไปตามกฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน (Taiwan Relations Act) ที่สหรัฐฯ จะให้การสนับสนุนไต้หวันในการปกป้องตนเอง
“ความสัมพันธ์ด้านกลาโหมของสหรัฐฯ กับไต้หวันนั้นเป็นไปตามกฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน เราจะยึดถือพันธกรณีภายใต้กฎหมายฉบับนี้ เราจะให้การสนับสนุนการป้องกันตนเองของไต้หวันต่อไป และเราจะคัดค้านการบีบบังคับฝ่ายเดียวเพื่อให้เปลี่ยนแปลงสถานะที่เป็นอยู่” โฆษกทำเนียบขาวระบุ
ทั้งนี้ ไบเดนยังกล่าวต่อชาวอเมริกันว่าไม่ควรกังวลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของกองทัพสหรัฐฯ โดยชี้ว่าจีน รัสเซีย และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ต่างรู้ดีว่าสหรัฐฯ นั้นมีกองทัพที่มีพลังอำนาจมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เกิดสงครามเย็นกับจีน และต้องการให้จีนเข้าใจว่า “สหรัฐฯ จะไม่ยอมถอยหลัง และไม่เปลี่ยนมุมมองใดๆ”
ทางด้าน ซาเวียร์ ชาง โฆษกสำนักประธานาธิบดีไต้หวัน ออกแถลงการณ์ภายหลังการแสดงท่าทีของไบเดน โดยระบุว่า จุดยืนของสหรัฐฯ และไต้หวันยังคงเหมือนเดิม นั่นคือจะไม่ยอมแพ้ต่อแรงกดดัน หรือเร่งรีบอย่างผลีผลามเมื่อได้รับการสนับสนุน และไต้หวันจะแสดงให้เห็นความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ในการป้องกันตนเอง พร้อมทั้งเผยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรมเพื่อสนับสนุนไต้หวัน
ภาพ: Photo by Drew Angerer/Getty Images
อ้างอิง: