บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป ประกาศเล็งดำเนินคดีทางกฎหมายกับ TCG เหตุเผยแพร่ข้อมูลเท็จและบิดเบือนจากความเป็นจริง จากข้อกล่าวหา
- Project MU Coin ทำผิดสัญญา
- โรงงานน้ำดื่ม บริษัท เอ็มเอ็น เบฟเวอเรจ จำกัด ในข้อความเป็นเท็จ ทำให้บริษัทเสียชื่อเสียง
จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ชี้แจงกลับกรณี TCG แจ้งความเท็จเรื่องโรงงานเครื่องดื่มและเหรียญจักรวาลว่า หลังจากที่บริษัท TCG ได้มีการกล่าวหาบริษัทฯ ในเรื่องของเผยแพร่ข้อมูลเท็จและบิดเบือนจากความเป็นจริงจากกรณียักยอกทรัพย์บริษัท เอ็มเอ็น เบฟเวอเรจ จำกัด และ Project Miss Universe Coin หรือ MU Coin ทำให้บริษัทฯ เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก ทางบริษัทฯ ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และเตรียมฟ้องกลับ TCG ทั้งสองคดี เรียกร้องค่าเสียหายมูลค่า 2,500 ล้านบาทในการทำให้บริษัทเสียชื่อเสียง จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้นั้น เพื่อปกป้องสิทธิและประโยชน์ทางกฎหมายของบริษัทฯ
สำหรับในเรื่องของโรงงานผลิตเครื่องดื่มของบริษัท เอ็มเอ็น เบฟเวอเรจ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ JKN ที่ถูกทาง TCG กล่าวหาว่าบริษัทฯ ได้ยักยอกทรัพย์ ทางบริษัทฯ ขอชี้แจงดังนี้
- คณะกรรมการบริษัท เอ็มเอ็น เบฟเวอเรจ จำกัด ได้อนุมัติเห็นชอบให้ขนย้ายผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบเพื่อการผลิตซึ่ง มีอายุการใช้งานจำกัด โดยฝากเก็บรักษาที่คลังสินค้าของบริษัท เจเคเอ็น แลนด์มาร์ค จำกัด จึงร้องขอให้บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการขนย้าย โดยไม่ได้มีการกระทำความผิดทางอาญาหรือทางแพ่งใดๆ
- บริษัท ทีซีจี. โซเชียลมีเดีย กรุ๊ป จำกัด อยู่ในฐานะผู้ถือหุ้นบริษัท เอ็มเอ็น เบฟเวอเรจ จำกัด เช่นเดียวกันกับบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ไม่ได้มีอำนาจจัดการในบริษัท เอ็มเอ็น เบฟเวอเรจ จำกัด จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะไปดำเนินการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนหรือฟ้องร้องต่อศาลด้วยตนเองได้
- ถึงแม้ว่าทางบริษัท ทีซีจี. โซเชียลมีเดีย กรุ๊ป จำกัด จะได้เสนอซื้อหุ้นโดยได้ทำสัญญาซื้อ-ขายหุ้นของบริษัท เอ็มเอ็น เบฟเวอเรจ จำกัด กับบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วน 60% ของหุ้นทั้งหมดในบริษัท เอ็มเอ็น เบฟเวอเรจ จำกัด แต่เมื่อถึงกำหนดชำระค่าหุ้นในวันที่ 1 สิงหาคม 2566 ก็ไม่ได้ชำระค่าหุ้นตามสัญญาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ หุ้นจึงยังไม่โอนไปตามเงื่อนไขของสัญญา เพราะยังไม่ได้ชำระค่าหุ้น จึงทำให้บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์หุ้นให้และยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงทะเบียนผู้ถือหุ้นส่วน คณะกรรมการบริษัท เอ็มเอ็น เบฟเวอเรจ จำกัด ได้รับการแต่งตั้งจากกลุ่มผู้ถือหุ้น โดยบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 60%
- วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 บริษัท ทีซีจี. โซเชียลมีเดีย กรุ๊ป จำกัด ได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน โดยกล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้มีการขนย้ายทรัพย์สินออกจากโรงงานบริษัท เอ็มเอ็น เบฟเวอเรจ จำกัด ตามที่กล่าวมาข้างต้น การที่บริษัท ทีซีจี. โซเชียลมีเดีย กรุ๊ป จำกัด ได้ดำเนินการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนจึงเป็นความเท็จทั้งสิ้น บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จึงขอสงวนสิทธิ์ในการจะดำเนินคดีกับบริษัท ทีซีจี. โซเชียลมีเดีย กรุ๊ป จำกัด ในความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานต่อไป
นอกจากนี้ในกรณีของ Project Miss Universe Coin หรือ MU Coin ในช่วงต้นเดือนกันยายน 2566 มีกลุ่มบุคคลได้เปิดตัว MU Coin ในประเทศฟิลิปปินส์ โดยอ้างว่าเป็นเหรียญ Miss Universe ซึ่งบริษัทฯ เป็นเจ้าของ Miss Universe Organization และถือสิทธิ์ Miss Universe ทั่วโลกแต่เพียงผู้เดียว และกลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่ได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้า จึงทำให้บริษัทฯ และองค์กร Miss Universe ประกาศผ่านสื่อว่า MU เหรียญที่เปิดตัวในฟิลิปปินส์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ Miss Universe ดังนั้นการใช้ชื่อ ‘MU’ เพื่อสร้างสกุลเงิน ‘MU Coin’ ตามที่รายงานบนสื่อออนไลน์นั้นไม่เหมาะสมและไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี ตามที่แจ้งไปด้านบน ทางบริษัทฯ ขอยืนยันว่า ในส่วนของกรณีโครงการ Project Miss Universe Coin หรือ MU Coin มีเพียงบันทึกความเข้าใจเบื้องต้นระหว่างบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทีซีจี. โซเชียลมีเดีย กรุ๊ป จำกัด เพื่อจะศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการนี้ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2566 ซึ่งบันทึกความเข้าใจนี้ไม่มีผลผูกพันและไม่มีผลบังคับทางกฎหมายในอันที่บริษัท ทีซีจี. โซเชียลมีเดีย กรุ๊ป จำกัด จะนำชื่อ MU ไปใช้ได้
“แม้จะได้คนมงไปนานแล้วก็ตาม แต่เรื่องการฟ้องกลับยังไม่จบเพียงเท่านี้แน่นอน ดิฉันจึงขอยืนยันว่าข้อกล่าวหาที่ทาง TCG ได้ตั้งโต๊ะแถลงในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 นั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และเตรียมฟ้องกลับพร้อมเรียกร้องค่าเสียหายจำนวน 2,500 ล้านบาท เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของบริษัทฯ ของดิฉันและเรียกความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ กลับคืนมา” จักรพงษ์กล่าว