ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ออกคำสั่งแต่งตั้ง เจอโรม พาวเวลล์ ให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed ต่อเป็นสมัยที่ 2 โดยให้เหตุผลว่าที่ผ่านมาพาวเวลล์มีบทบาทสำคัญในการช่วยเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้ฟื้นตัวจากแรงกดดันหนักของการระบาดใหญ่ของโควิด
การตัดสินใจของประธานาธิบดีไบเดนที่ประกาศออกมาเมื่อวันจันทร์ (22 พฤศจิกายน) ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ ส่งผลให้พาวเวลล์ ในวัย 68 ปี สามารถดำรงตำแหน่งที่มีความสำคัญที่สุดตำแหน่งหนึ่งในการดูแลนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต่อไป หลังปล่อยให้ตลาดการเงินและแวดวงการเมืองในกรุงวอชิงตันเฝ้ารอและพยายามคาดเดามาหลายสัปดาห์
ในแถลงการณ์ของผู้นำสหรัฐฯ ประธานาธิบดีไบเดนยอมรับว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ต้องเผชิญกับแรงกดดันทางการเมืองไม่น้อย โดยเฉพาะจากภายในพรรคเดโมแครตด้วยกันเอง แต่ท้ายที่สุดไบเดนก็ตัดสินใจเลือกพาวเวลล์ เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันนี้มีทั้งความเป็นไปได้และความไม่แน่นอนมากมาย จึงต้องการเสถียรภาพและความเป็นอิสระในการดำเนินการ ซึ่งพาวเวลล์สามารถตอบสนองความต้องการดังกล่าวได้
ขณะที่ทางด้าน เลล เบรนาร์ด หนึ่งในผู้ว่าการ Fed ที่สมาชิกสังกัดพรรคเดโมแครตฝ่ายหัวก้าวหน้าพยายามผลักดันให้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธาน Fed แทนพาวเวลล์ ได้รับการแต่งตั้งให้ขึ้นเป็นรองประธาน Fed แทน
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า การแต่งตั้งพาวเวลล์ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันที่เคยเป็นผู้บริหารกองทุนส่วนบุคคล (Private Equity Fund) ขึ้นคุมบังเหียนระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ อีก 4 ปีนั้น ถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักในแวดวงการเมืองสหรัฐฯ ที่ผู้นำรัฐบาลชุดปัจจุบันจะตัดสินใจให้ผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญที่ได้รับการแต่งตั้งโดยรัฐบาลชุดก่อนอยู่ในตำแหน่งต่อ
ในส่วนของแวดวงการเมืองในกรุงวอชิงตันที่ยังคงมีความแตกแยกเป็นกลุ่มก้อนอยู่นั้น พาวเวลล์ถือเป็นผู้ที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคการเมืองใหญ่ทั้งสองอย่างมาก โดยมีการคาดการณ์ว่าการแต่งตั้งขึ้นรับตำแหน่งประธาน Fed ครั้งนี้น่าจะได้รับการอนุมัติจากวุฒิสภาสหรัฐฯ ในขั้นตอนสุดท้ายอย่างไม่ยาก แม้จะมีเสียงคัดค้านบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก เอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกรัฐแมสซาชูเซตส์ ที่มองว่าพาวเวลล์เป็นบุคคลอันตรายที่บ่อนทำลายระบบธนาคารสหรัฐฯ และลั่นวาจาว่าจะขัดขวางไม่ให้พาวเวลล์ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธาน Fed ต่ออีกสมัย
ทั้งนี้ พาวเวลล์จะครบวาระการดำรงตำแหน่งประธาน Fed 4 ปี ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022
ขณะที่ทางแถลงการณ์ของทำเนียบขาวระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมาพาวเวลล์ได้แสดงให้เห็นภาวะผู้นำที่มั่นคงแน่วแน่ท่ามกลางช่วงเวลาท้าทายที่ไม่อาจคาดเดาได้ ไม่ว่าจะเป็นการระบาดของโควิดที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของสหรัฐฯ ขณะที่เบรนาร์ด หนึ่งในนักเศรษฐศาสตร์มหภาคระดับแนวหน้าของประเทศ ก็มีบทบาทสำคัญใน Fed ได้ทำงานร่วมกับพาวเวลล์อย่างดีในการช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ สามารถฟื้นตัวกลับมาได้อย่างแข็งแกร่ง
ด้าน เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตประธาน Fed กล่าวยกย่องการตัดสินใจแต่งตั้งพาวเวลล์ให้ดำรงตำแหน่งต่ออีกสมัย โดยระบุว่า ความเป็นผู้นำของพาวเวลล์มีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ฟื้นตัวจากวิกฤตสาธารณสุขและเศรษฐกิจที่รุนแรงระดับที่เกิดขึ้นได้หนึ่งครั้งในช่วงชีวิตเดียว หรือ Once in a life time พร้อมกันนี้ เยลเลนยังได้แสดงความยินดีที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะสามารถเดินหน้าต่อไปโดยได้แรงหนุนจากความเป็นผู้นำ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของเบรนาร์ด ในฐานะรองประธาน Fed คนใหม่ด้วย
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP