วานนี้ (5 ตุลาคม) ในวันเกิดของ เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์ กองกลางและกัปตันทีมชาติไทยวัย 29 ปีที่เพิ่งได้รับบาดเจ็บจากศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 48 ที่จังหวัดเชียงใหม่ และกลับมาฟื้นฟูร่างกายที่สโมสรคาวาซากิ ฟรอนตาเล แห่งศึกเจลีก ได้เปิดเผยว่า เขาจะไม่ร่วมทีมในศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คัพ 2022 ปลายปีนี้อย่างแน่นอน และหวังที่จะได้เห็นนักเตะรุ่นน้องก้าวขึ้นมาโชว์ฟอร์มในรายการนี้
โดยเจ ชนาธิป ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า “ทีมเขาถามว่าผมจะไปเล่นหรือเปล่า จริงๆ แล้วที่ญี่ปุ่นถ้าไม่ใช่ฟีฟ่าเดย์ก็ไม่อยากให้เราไปเล่น เพราะปีที่แล้วผมเพิ่งเล่นมา แล้วผมไม่มีวันหยุด ต้องเล่าก่อนว่าอยู่ๆ ก็มาคาวาซิกิโดยไม่ได้พักร่างกายเลย กลายเป็นว่าผมต้องมาสู้อีก แล้วปีนี้จัดอีก ใจจริงๆ ไม่ใช่ไม่อยากเล่นทีมชาตินะ แต่ผมเล่นกับถ้วยนี้มาแล้ว 4 ครั้ง และปีนี้เป็นปีที่ผมคิดว่าผมเองก็ไม่พร้อม เพราะ 4 ปีมานี้ผมเจ็บปีละ 4 ครั้ง เท่ากับว่าทุกปีผมจะได้พักก็ตอนผมเจ็บ เหมือนว่าร่างกายไม่ได้ฟื้นฟูแบบ 100%
“ผมเลยอยากรู้ว่าถ้าปีนี้ผมไม่เล่น ปีหน้าร่างกายผมจะสดหรือเปล่า แล้วอีกอย่างเด็กๆ ก็รอโอกาสที่จะพัฒนาขึ้นมา ตอนนี้เราก็ไม่เห็นว่าจะมีใครที่พร้อมขึ้นมาเป็นอะไหล่สำคัญที่จะช่วยทีมชาติในอนาคต เท่าที่เห็นมีแค่ไม่กี่คนเอง เท่ากับว่าการที่เรามีไม่กี่คน สุดท้ายก็ไปสู้เอเชียไม่ได้อยู่ดี
“ผมคิดว่าถ้าเราสามารถสร้างพวกเขาขึ้นมาได้ วันหนึ่งที่ผมเลิกเล่นแล้ว พวกเขาน่าจะเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญของทีม จริงๆ แล้วการเล่นทีมชาติแน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็นอาเซียนหรือบอลอะไรก็ตาม ทีมชาติแพ้ไม่ได้อยู่แล้วครับ การที่จะเอาใครไปเล่นก็แล้วแต่ก็อยากให้ได้แชมป์ มันต้องแชมป์อยู่แล้วล่ะ สมมติว่าเราไม่ได้แชมป์ แน่นอนว่าแฟนบอลผิดหวังอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องปกติ แต่มันต้องมีนักฟุตบอลที่จะเป็นดาวรุ่งได้ มีแววที่จะไปต่อในอนาคตได้ ผมก็หวังว่าน้องๆ จะได้โอกาสนั้น
“แน่นอนว่าผมอาจจะไม่ได้ไปเล่น เพราะผมมีอาการบาดเจ็บค่อนข้างเยอะ ผมอยากให้ตัวเองพร้อมมากกว่านี้ เพราะแข่งวันที่ 20 ธันวาคม 2565 – 16 มกราคม 2566 ซึ่งวันที่ 15 มกราคม ทีมผมเก็บตัวพรีซีซันแล้ว เท่ากับว่าผมมาช้า ร่างกายผมไม่ได้พัก ก็ต้องมาสู้อีก พอผ่านไปร่างกายผมก็อาจจะเจ็บอีก ผมเป็นแบบนี้มาประมาณ 4 ปีแล้ว ก็รู้สึกเสียใจนะที่ไม่ได้ไปเล่น แต่ผมรู้สึกว่าผมตัดสินใจมาก่อนหน้านี้หลายเดือน สุดท้ายแล้วไม่ใช่ว่าผมไม่อยากเล่นทีมชาติ แต่ผมไม่พร้อมที่จะเล่นด้วย แล้วก็เปิดโอกาสให้น้องๆ ได้มาโชว์ ได้มาเห็นอนาคต ฟุตบอลไทยจะไปได้ไกลแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องทำผลงานให้ได้ดี เพราะแฟนบอลไทยต้องการผลการแข่งขันที่ดีด้วย”
นอกจากนี้ชนาธิปยังมองผลงานทีมชาติไทยที่ตอนนี้ไม่ดีทั้งชุดใหญ่และเยาวชน มองมุมแฟนบอลก็อยากเห็นทีมชนะ มองฝั่งสมาคมฯ ก็อยากเห็นทีมประสบความสำเร็จ แต่ตอนนี้ฟุตบอลอาเซียนทุกทีมพัฒนาอย่างต่อเนื่อง พร้อมสู้กับทีมชาติไทย ดังนั้นอยู่ที่ไทยเองว่าจะพัฒนายกระดับนักเตะอย่างไร ฟุตบอลไทยควรจะมีมาตรฐานที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่มีแค่ทีมใหญ่ 4-5 ทีมเท่านั้น
“สำหรับทีมชาติไทยไม่ว่ารายการใดเราก็แพ้ไม่ได้ ไม่ว่าเอาใครไปเล่นก็อยากได้แชมป์ แม้ว่าการไม่ได้แชมป์จะทำให้แฟนบอลผิดหวัง แต่ผมอยากเห็นเราสร้างนักเตะรุ่นใหม่ขึ้นมา
“เมื่อก่อนตอนเล่นเป็นเยาวชนพวกผมแทบมองไม่เห็นเงินเดือนด้วยซ้ำ แต่เราอยากเล่นเพื่อชาติ ผมบอกเลยว่าโค้ชสมัยก่อนเขาจับวิ่งอย่างเดียว สุดท้ายแล้วพวกผมยังสู้ได้เลย แต่ตอนนี้น้องๆ มีทั้งทรัพยากรที่ดีกว่าและมีเทคโนโลยีที่ดีกว่า สุดท้ายแล้วผลการแข่งขันมันต้องดีตามไปด้วย มีการเก็บตัวนานกว่า ผมว่าผลการแข่งขันต้องดีไปด้วย มันก็เลยต่างกัน ไม่ใช่ว่าผมไม่เชียร์นะ ผมก็เชียร์และให้กำลังใจ ผมว่าเราต้องกระตือรือร้นอยากจะไปเล่นทีมชาติมากกว่านี้
“ถึงวันหนึ่งเยาวชนทีมชาติเล่นได้ถึง 23 ปี แต่หลังจาก 23 ปีน้องอาจจะไม่ติดอีกเลย ผมอยากให้คิดแค่นั้นแหละ เพราะน้องอาจจะติดแค่ 12 ปี, 14 ปี, 16 ปี แล้วก็มา 20 ปี หรือ 19 ปี แต่วันหนึ่งน้องไม่สามารถไปต่อได้ สุดท้ายก็ต้องอยู่ที่เดิม แล้วคนก็จะลืมชื่อ ผมอยากให้มองภาพตรงนี้ไว้ว่าเราเล่นฟุตบอลเพื่อชาติ เราไม่ได้มาเล่นเอาผล มันต้องเสียสละ”