วันนี้ (29 สิงหาคม) ภายหลังการแถลงข่าวของคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มฯ ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสื่อมวลชน โดยมองว่าสถานการณ์การเมืองหลังจากนี้จะเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ และต้องจับตาดูปรากฏการณ์พรรคเพื่อไทยจะถูก “ผ่าครึ่ง” เหมือนกับพรรคพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติหรือไม่
จตุพรย้ำว่า กลุ่มของตนมีเงื่อนไขสำคัญเพียงอย่างเดียวคือ “นายกรัฐมนตรีคนต่อไปต้องไม่มาจากพรรคเพื่อไทย” โดยเฉพาะชัยเกษม นิติสิริ ซึ่งแม้จะประกาศตัวเป็นอิสระ แต่ประชาชนจะไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอน เพราะชัยเกษมยังอยู่ภายใต้พรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ จตุพรยังได้ยื่น 5 ข้อเรียกร้องสำคัญที่ผู้ที่จะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีต้องให้สัตยาบันว่าจะดำเนินการทันที ได้แก่:
- ยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 และ 2544
- ยกเลิกโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์
- ยกเลิกการขายที่ดิน 99 ปี
- ยกเลิกโครงการแลนด์บริดจ์ที่แอบซุกซ่อนที่ดินกว่า 3 แสนไร่ 99 ปี
- ยกเลิก พ.ร.บ.ศูนย์กลางทางการเงินเพื่อสร้างสกุลเงินใหม่
จตุพรกล่าวว่า การเจรจาจัดตั้งรัฐบาลหลังจากนี้อาจเกิดการพลิกขั้วได้ตลอดเวลา ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลเดิมต้องพิจารณาอย่างหนักว่าจะกล้าเดินหน้าเสนอชื่อชัยเกษมต่อไปหรือไม่ เพราะต้องคิดว่าจะสู้หน้าประชาชนได้อย่างไร หากยังฝืนเดินหน้าต่อไป อย่างไรก็ตาม จตุพรมองว่ากระแสข่าวที่ว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะกลับเข้ามาจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคเพื่อไทยนั้น “เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน”
จตุพรยังได้กล่าวถึงท่าทีของพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนที่กำลังเจรจาหารือกันว่า ถือเป็นสิทธิของแต่ละพรรค เพราะเงื่อนไขของกลุ่มคือขอแค่เพียงนายกฯ คนต่อไปต้องไม่มาจากพรรคเพื่อไทย
ในช่วงท้าย จตุพรยังได้ย้ำถึงการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นในวันมะรืนนี้ (วันที่ 31 สิงหาคม) ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยระบุว่าจะมีความคืบหน้าให้เห็นอย่างแน่นอน และหากมีปัจจัยใดเปลี่ยนแปลง กลุ่มฯ ก็พร้อมที่จะแถลงท่าทีเพิ่มเติมในทันที
