วานนี้ (28 มิถุนายน) จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน ‘ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย’
จตุพรกล่าวว่า เมื่อวันที่ 18-19 มิถุนายนที่ผ่านมา แกนนำพรรคเพื่อไทย โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค และ ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค จู่ๆ ประกาศราวกับนัดแนะกันไว้ว่า ตำแหน่งประธานสภา เป็นของพรรคอันดับหนึ่งคือ พรรคก้าวไกล
“ในวันที่พูดนั้น ถามว่าใครบังคับให้พูด แล้วมาถึงวันที่ 21 มิถุนายน วันสัมมนาพรรคเพื่อไทย ส.ส. ค้าน อดิศร เพียงเกษ ต่อต้านไม่ยอมให้สามเณรมาเป็นเจ้าอาวาสวัด ถัดมาล่าสุดวันที่ 27 มิถุนายน แกนนำพรรคเพื่อไทยมาเปลี่ยนคำพูด เอาตำแหน่งประธานสภาตามหลัก 14+1 ให้ได้ นักการเมืองในฐานะผู้แทนประชาชน วันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้พูดอย่าง ไม่มีใครเรียกร้องหาความรับผิดชอบบ้างหรือ จะอยู่กันแบบนี้หรือ” จตุพรกล่าว
จตุพรกล่าวว่า การกลับหลังหันแบบนี้ พรรคก้าวไกลย่อมรู้เต็มอก ตนได้พูดเสมอมาว่า แม้ก้าวไกลยอมหรือไม่ยอม หรือเพื่อไทยไม่เอาหรือเอา แต่ถึงที่สุดแล้วประธานสภาก็เป็นของเพื่อไทยวันยังค่ำ
ส่วนตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จตุพรกล่าวว่า พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) บอกไปอังกฤษ ไปหาหมอ ตอนแรกมีคนบอกไปหาม้าแข่ง แล้วเกิดการสงสัยว่าอาจไปหา ทักษิณ ชินวัตร แต่ตอนนี้ออกมาพูดเองว่าไปหาหมอ ไม่ได้ไปพบทักษิณ
แสดงให้เห็นว่า เรื่องแค่นี้นักการเมืองยังพูดไม่ตรงกัน ปิดบังซ่อนเร้น แล้วยังบอกไม่เจอ ทักษิณ ชินวัตร มา 18 ปีแล้ว ก็ว่ากันไป แต่สิ่งสำคัญ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้า พปชร. ประกาศในสถานการณ์ล่าสุด พล.อ. ประวิตร พร้อมเป็นนายกฯ ดูเหมือนหมออังกฤษเพิ่มพลังแรงบันดาลใจกลับมา
จตุพรกล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองถึงขณะนี้ตอกย้ำให้เห็นได้ชัดว่า แม้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่มีอุปสรรคถือหุ้น ITV ถูกต่อต้านการแก้ไขมาตรา 112 หรือขายที่ดินต่ำกว่าราคาประเมิน แต่พรรคก้าวไกลไม่มีโอกาสได้ทั้งนายกฯ และประธานสภาอยู่ดี และแล้ววันนี้ พรรคเพื่อไทยฮุบประธานสภา ย่อมสะท้อนว่าเพื่อไทยทิ้งก้าวไกล เพราะเมื่อโหวตได้ประธานสภาแล้ว เลือกนายกฯ พรรคเพื่อไทยไม่เอาพิธาแน่นอน
จตุพรกล่าวว่า ที่ผ่านมา ได้พูดถึงพรรคเพื่อไทยตลอดว่าอย่าไปแย่งชิงเอาประธานสภาจากพรรคอันดับหนึ่ง เพราะไม่มีประเพณีการเมืองปฏิบัติ อีกอย่างในสถานการณ์ขณะนี้บ้านเมืองจะเกิดวิกฤตวุ่นวายคนจะออกมาเต็มท้องถนนแน่
“เมื่อหักหนึ่งก็ต้องมีสอง และหักสามถึงตำแหน่งนายกฯ ส่วนก้าวไกลจะตัดสินใจอย่างไร อาจเดินไปตามน้ำในความต้องการของเพื่อไทย เพราะในอนาคตแล้ว พรรคก้าวไกลรู้ว่าต้องเป็นฝ่ายค้านสถานเดียว” จตุพรกล่าว
จตุพรกล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ไม่ตรงไปตรงมา มีความผิดปกติ ถ้าก้าวไกลตัดสินใจสู้ ซึ่งต้องแพ้อยู่ดี แต่ผลลัพธ์ทางการเมืองก็คือการแตกหักกับเพื่อไทย อย่างไรก็ตาม วันนี้ไพ่การเมืองมาอยู่ในมือ พล.อ. ประวิตรแล้ว จึงดูมีความสุขอย่างยิ่ง