อุตสาหกรรม แฟชั่น ไทยยังคงเป็นสมรภูมิที่ร้อนแรง ผู้เล่นทั้งในและต่างประเทศต่างงัดกลยุทธ์เด็ดมาช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาด การแข่งขันไม่ได้จำกัดอยู่แค่การออกสินค้าใหม่ แต่ยังรวมถึงการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก การขยายประเภทสินค้าให้ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า และที่สำคัญคือการใช้ช่องทางออนไลน์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โซเชียลมีเดียกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทุกแบรนด์ต้องมี ไม่ว่าจะเป็น Facebook, LINE, TikTok หรือ Instagram ต่างถูกนำมาใช้สร้างการรับรู้ สร้างประสบการณ์ และสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า นอกจากนี้เรายังเห็นแบรนด์ต่างๆ หันมาเปิดป๊อปอัพสโตร์เพื่อทดลองตลาดและสร้างสีสัน ขณะที่แบรนด์ใหญ่ๆ ก็ทุ่มทุนสร้างคอนเซปต์สโตร์และแฟลกชิปสโตร์สุดอลังการเพื่อดึงดูดลูกค้าทั้งไทยและเทศ
เทรนด์ผู้บริโภคก็เปลี่ยนไป คนหันมาใส่ใจเรื่องคุณภาพและความยั่งยืนมากขึ้น แบรนด์ที่นำเสนอสินค้าคุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจึงมีโอกาสเติบโตสูง แม้ในช่วงวิกฤตโควิดแบรนด์ระดับบนหลายแบรนด์ก็ยังคงรักษาระดับราคาไว้เพื่อรักษาภาพลักษณ์
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่าอุตสาหกรรม แฟชั่น ไทยยังมีศักยภาพในการเติบโต โดยเฉพาะตลาดเสื้อผ้าและรองเท้า แฟชั่น ระดับบนที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง คาดว่ามูลค่าตลาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 74,900.6 ล้านบาทในปี 2570 หรือเติบโตเฉลี่ย 7.3% ต่อปี
ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด JASPAL GROUP สามารถยืนหยัดและเติบโตมาได้ถึง 77 ปี นับเป็นความสำเร็จที่น่าจับตามอง ในฐานะผู้นำธุรกิจแฟชั่นของภูมิภาคอาเซียนและบริษัทสัญชาติไทยที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและรองเท้าเฉพาะอย่างของไทย
ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 8.4% ในปี 2563 เป็น 10.5% ในปี 2565 JASPAL GROUPพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความสำเร็จไม่ได้มาจากโชคช่วย แต่มาจากกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งและการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย
JASPAL GROUPเข้าใจถึงความหลากหลายของผู้บริโภคจึงบริหารแบรนด์มากถึง 21 แบรนด์ ทั้งแบรนด์ของตัวเองและแบรนด์นำเข้าแต่ละแบรนด์มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ทั้งแนวคิด การออกแบบ และกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทำให้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ทุกไลฟ์สไตล์ และทุกรายได้
ไม่เพียงเท่านั้น JASPAL GROUPยังมีช่องทางการขายที่ครอบคลุม ทั้งร้านค้าแฟชั่นกว่า 475 สาขา (ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566) และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซมากกว่า 25 ช่องทาง ครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ การขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทำให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายและสะดวก
การเลือกทำเลถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับแบรนด์แฟชั่น ซึ่งสำหรับ JASPAL GROUPมองหาโอกาสในการขยายสาขาไปในพื้นที่ที่พิจารณาแล้วเห็นถึงโอกาสในการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว ครอบคลุมทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล ต่างจังหวัด และต่างประเทศ สาขาของกลุ่มบริษัทฯ ตั้งอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าที่มีทราฟฟิกจำนวนมาก
เบื้องหลังของเรื่องนี้คือการมีสัมพันธ์ที่ดีกับ Landlord เนื่องจากแบรนด์เป็นที่รู้จักและเป็นที่ต้องการของลูกค้าจำนวนมาก จึงมีข้อได้เปรียบในการจัดหาและเลือกสถานที่ตั้งสาขาได้อย่างเหมาะสม
JASPAL GROUPไม่ได้หยุดอยู่แค่ความสำเร็จในประเทศไทย แต่ยังมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น คือการเป็นผู้นำธุรกิจแฟชั่นไลฟ์สไตล์ในภูมิภาคอาเซียน การขยายธุรกิจไปยังเวียดนาม มาเลเซีย กัมพูชา และฟิลิปปินส์ รวมถึงมีสาขาในศูนย์การค้าชั้นนำทั่วภูมิภาคกว่า 84 สาขา และยังคงมองหาโอกาสขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
แม้ 77 ปีที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของ JASPAL GROUPแต่อนาคตจะเป็นอย่างไรในโลกที่หมุนเร็วและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จะรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมแฟชั่นที่ไม่เคยหลับใหลนี้ได้หรือไม่ นี่คือคำถามที่น่าติดตามและเราคงต้องจับตาดูกันต่อไป