สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ท่ามกลางค่าเงินเยนที่ยังคงอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง กลุ่มนักลงทุนทองคำญี่ปุ่นกำลังได้รับประโยชน์จากเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อราคาทองคำท้องถิ่นปรับตัวสูงขึ้นกว่า 18% นับตั้งแต่ต้นปี มาแตะที่ระดับ 10,000 เยนต่อกรัม ซึ่งถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์
Toshitaka Tazawa นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ของบริษัทหลักทรัพย์ Fujitomi กล่าวว่า เงินเยนที่อ่อนในรอบหลายสิบปี เป็นปัจจัยหนุนให้นักลงทุนทองคำยิ่งอยากถือสินทรัพย์นี้ไว้มากกว่าขายออก
“ถ้าเป็นช่วงที่สถานการณ์ปกติ นักลงทุนรายย่อยมักจะซื้อเมื่อราคาปรับตัวลงและรอขายในช่วงที่ราคาเพิ่มสูงขึ้น แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้วในตอนนี้ พวกรายย่อยแทบไม่ขายออกมาเลย” Taketomo Washida ผู้อำนวยการ Tokuriki Honten โรงงานผู้ผลิตและจำหน่ายทองคำรายหลักของญี่ปุ่นกล่าว
ในขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เริ่มมีทีท่าว่าจะปรับแนวทางนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายที่สวนทางกับธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลก และเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้เงินเยนอ่อนค่าลง แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น ทองคำก็ยังเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในสายตานักลงทุนญี่ปุ่นจากสภาวะที่ดัชนีตลาดหุ้นขึ้นไปทำราคาสูงสุดในรอบ 30 ปี เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยังมีคำถามว่าตลาดหุ้นจะขึ้นไปได้สูงอีกแค่ไหน เมื่อบริษัทต่างๆ ถูกกดดันให้เพิ่มมูลค่าบริษัทเพื่อทดแทนเงินเยนที่อ่อนตัวลง
Kotaro Mori แพทย์ในโตเกียว ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Bloomberg ว่า “ผมรู้สึกดีใจที่เห็นมูลค่าทองคำเพิ่มขึ้น และผมคิดว่าการแบ่งเงินบางส่วนเพื่อลงทุนสินทรัพย์ประเภทอื่นเพื่อกระจายความเสี่ยงเป็นอะไรที่สมเหตุสมผล ผมจึงจะซื้อทองคำต่อไป”
นอกจากนี้ นักลงทุนในญี่ปุ่นมีความสนใจในกองทุนรวมทองคำประเภท ETF ตั้งแต่ช่วงโควิด ซึ่งเป็นทิศทางตรงกันข้ามกับภาพรวมทั่วโลกที่นำเงินออกจากทองคำ เนื่องจากความกังวลเรื่องธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะขึ้นดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหยุดเงินเฟ้อได้ตามเป้าหมาย เมื่อเป็นเช่นนั้น ความต้องการทองคำที่ไม่ได้มีผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยก็น่าดึงดูดน้อยลง แต่เมื่อมีการคาดการณ์ว่า Fed ใกล้หยุดขึ้นดอกเบี้ยเต็มทีแล้ว ราคาทองคำก็น่าจะปรับตัวขึ้นได้อีกจากปัจจัยนี้ และค่าเงินเยนที่ยังอ่อนตัวอยู่
อ้างอิง:
