สำนักข่าว Nikkei รายงานว่าราคาค้าปลีกน้ำมันเบนซินธรรมดา (Regular Gasoline) ในญี่ปุ่นวันที่ 28 สิงหาคม พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 185.6 เยนต่อลิตร (1.27 ดอลลาร์) โดยเป็นผลมาจากการอ่อนค่าของเงินสกุลเยน ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น
การเดินหน้าดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้ส่งผลให้เงินสกุลเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (29 สิงหาคม) เงินเยนได้อ่อนค่าทะลุระดับ 147 เยนต่อดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดในรอบ 9 เดือน
การอ่อนค่าของเงินเยนส่งผลให้ญี่ปุ่นต้องนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศในราคาที่สูงขึ้น โดยล่าสุดดัชนีราคานำเข้า (Import Price Index) ของญี่ปุ่นอยู่ในระดับที่สูงกว่าช่วงเดียวกันในปีก่อนถึง 10% ขณะที่อำนาจการซื้อ (Buying Power) ของเงินเยนเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์และยูโรก็อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 53 ปี
ผลสำรวจของ Mizuho Research & Technologies พบว่า การอ่อนค่าของเงินเยนที่ระดับ 145 เยนต่อดอลลาร์ จะส่งผลให้ครัวเรือนในญี่ปุ่นมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 188,000 เยนต่อปี (1,280 ดอลลาร์) โดยหากตัดมาตรการอุดหนุนราคาพลังงานไฟฟ้าและน้ำมันของภาครัฐออกไป ตัวเลขอาจพุ่งขึ้นสูงกว่า 200,000 เยน
อย่างไรก็ดี รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกมาส่งสัญญาณว่าจะมีการต่ออายุมาตรการอุดหนุนราคาพลังงานออกไป โดยมีเป้าหมายจะควบคุมราคาค้าปลีกน้ำมันเบนซินธรรมดาให้อยู่ที่ระดับไม่เกิน 180 เยนต่อดอลลาร์
นับจากต้นปีที่ผ่านมา ราคาสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตของญี่ปุ่นได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคานมและเนยปรับสูงขึ้นมาแล้ว 8% และ 10% ตามราคาการนำเข้าอาหารสัตว์ ขณะที่สินค้านำเข้าจากยุโรป เช่น เส้นพาสต้าจากอิตาลี ราคาดีดตัวสูงขึ้นมากถึง 28%
อ้างอิง:
