×

ยานนิก ซินเนอร์ กับแรงผลักดันสำคัญที่เรียกว่าครอบครัว

30.01.2024
  • LOADING...
ยานนิก ซินเนอร์

“ถึงทุกคนที่รับชมจากที่บ้าน โดยเฉพาะครอบครัวของผม ผมหวังว่าทุกคนที่ผมพูดถึงเมื่อครู่จะมีพ่อและแม่ของผมดูอยู่ด้วย เพราะพวกเขาให้ผมเลือกในสิ่งที่ต้องการเสมอมา

 

“แม้ตอนที่ผมยังเด็ก ผมก็เล่นกีฬาอื่นๆ ด้วย พวกเขาก็ไม่เคยกดดันใดๆ ต่อผมเลย และผมก็หวังว่าอิสรภาพนี้จะเกิดขึ้นแก่เด็กๆ มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

 

“ขอบคุณพ่อและแม่มากๆ ครับ”

 

ยานนิก ซินเนอร์ นักเทนนิสมือ 4 ของโลกชาวอิตาเลียน กล่าวถึงพ่อและแม่ของเขา หลังคว้าแชมป์ออสเตรเลียนโอเพน แม้ว่านี่จะดูเหมือนการพูดถึงครอบครัวตามปกติหลังจากประสบความสำเร็จ แต่ความหมายของคำพูดนี้สำหรับซินเนอร์ถือว่าพิเศษมากจริงๆ

 

และเรื่องราวของครอบครัวที่เขาเติบโตขึ้นมานั้นก็เต็มไปด้วยความน่ารัก ความอบอุ่น ซึ่งต่างจากนักกีฬาระดับโลกทั่วไปอยู่ไม่น้อยเลย

 

ครอบครัวธรรมดา ชีวิตธรรมดา

 

ยานนิก ซินเนอร์

Credit: janniksin

 

ซินเนอร์โตขึ้นมาในครอบครัวคนธรรมดาที่มีความเป็นอยู่ธรรมดา อาจจะเรียกได้ว่าสามัญและดาษดื่น เขาเป็นชนชั้นกลางทั่วไปในอิตาลี ไม่ได้ร่ำรวยจนมีพื้นฐานดีกว่าคนอื่น แต่ก็ไม่ได้จนถึงขนาดไม่มีอันจะกัน

 

พ่อแม่ของเขาอย่าง โยฮันน์ และ ซิญินเด ซินเนอร์ ให้กำเนิดลูกชายที่แสนน่ารักคนนี้ในวันที่ 16 สิงหาคม 2001 ที่เมืองอินนิเชน ในเขตไทรอลใต้ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี

 

โยฮันน์ พ่อของเขาเป็นเชฟในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ลานสกีประจำเมืองนี้ ขณะที่ซิญินเด แม่ของเขาก็เป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารประจำลานสกีแห่งเดียวกัน

 

ทั้งคู่ไม่ใช่นักกีฬา กีฬาอย่างเดียวที่ทั้งคู่เล่นบ่อยที่สุดไม่ใช่เทนนิส แต่คือสกี เพราะความสะดวก เนื่องจากทำงานในลานสกี แต่ถึงจะพูดว่าบ่อยที่สุด ทว่าทั้งคู่ก็ไม่ค่อยมีเวลาว่างมาเล่นสกีมากเท่าไรนัก เพราะหน้าที่การงานที่ทั้งคู่ทำมีภาระค่อนข้างรัดตัว

 

ซินเนอร์โตมาแบบเด็กธรรมดา เขามีความสนใจที่หลากหลาย และในความสนใจทั้งหมด เขาชื่นชอบกีฬาและทำมันได้ดีเป็นพิเศษ

 

ด้วยความที่บ้านทำงานในลานสกี กีฬาชนิดแรกที่เขาเล่นจึงเป็นสกีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเขาทำมันได้ดีด้วย โดยในช่วง 8-12 ปี ซินเนอร์กลายเป็นหนึ่งในนักสกีรุ่นเยาว์อันดับต้นๆ ของอิตาลี

 

ซินเนอร์คว้าแชมป์ประเทศในการแข่งขันสกีระดับเยาวชน ประเภทไจแอนท์ สลาลม ได้ในวัยเพียง 8 ปี และเขายังมีความชื่นชอบกีฬาฟุตบอลเป็นพิเศษ โดยเป็นแฟนพันธุ์แท้ของทีมเอซี มิลาน หลังจากเห็นทีมได้แชมป์กัลโชเซเรียอาในปี 2011

 

ความหลงใหลในฟุตบอลทำให้กีฬาฟุตบอลเป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาเลือกเล่นตั้งแต่ยังเด็กด้วย นอกจากนี้เขายังเป็นนักว่ายน้ำที่มีฝีมือไม่แพ้กับฟุตบอลเช่นกัน แต่ในวัย 13 ปี จุดเปลี่ยนของเขาก็มาถึง

 

เด็กบ้ากีฬา สู่การเป็นนักเทนนิสดาวรุ่ง

 

ยานนิก ซินเนอร์

Credit: janniksin

 

วัย 12 ย่าง 13 ปี เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ซินเนอร์จะต้องเลือกว่าเขาจะมุ่งความสนใจไปที่กีฬาชนิดไหน แน่นอนว่าถ้าเขาจะเอาดีต่อทางด้านสกี วงการนี้ก็พร้อมเปิดรับและให้การสนับสนุนนักกีฬาที่เคยมีดีกรีแชมป์ประเทศในรุ่นเยาวชน

 

ขณะที่ฟุตบอลก็เป็นหนึ่งในกีฬาที่เขารักมันมากที่สุด และใช้เวลาดูการแข่งขันมากที่สุดในบรรดากีฬาทั้งหมดที่เขาเลือกเล่น

 

แต่สุดท้ายหวยมาออกที่เทนนิส ซึ่งเป็นกีฬาอีกชนิดที่เขาเล่นมาตั้งแต่ 8 ขวบเช่นกัน

 

เบื้องหลังการเลือกเล่นเทนนิสของซินเนอร์มาจากการเปิดใจคุยกับโยฮันน์ พ่อของเขา แน่นอนว่าไม่มีการบังคับให้เลือกอย่างที่ซินเนอร์กล่าวไว้หลังได้แชมป์ออสเตรเลียนโอเพน

 

แต่โยฮันน์ชี้ให้เห็นความเป็นไปได้ทั้งหมดที่จะเกิดขึ้น เขาเชื่อว่าเทนนิสเป็นกีฬาที่เหมาะกับลูกชายของเขาที่สุด เพราะนอกจากจะมีสนามในอิตาลีให้เลือกเล่นเยอะแล้ว อัตราการแข่งขันก็ต่ำกว่าฟุตบอล และหากประสบความสำเร็จ สิ่งตอบแทนก็มากกว่าทั้งสกีและว่ายน้ำ

 

สุดท้ายในวัย 13 ปี ซินเนอร์ก็เลือกที่จะเบนเข็มมาสู่การเป็นนักเทนนิสเต็มตัว โดยเขาทุ่มเทกับมันอย่างเต็มที่ ถึงขั้นกับเลิกเล่นฟุตบอล ว่ายน้ำ และสกีอย่างเด็ดขาด

 

ซินเนอร์ในวัยเพียง 13 ปี ตัดสินใจย้ายข้ามฝากประเทศจากไทรอลใต้ ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี ไปยังบอร์ดิเกราที่อยู่ทางตะวันตก ซึ่งห่างจากบ้านของเขาร่วม 700 กิโลเมตร เพื่อฝึกฝนเทนนิสกับ ริคาร์โด เปียอัตติ และ มัสซิโม ซาร์โตรี ซึ่งเป็นหนึ่งในโค้ชเทนนิสที่ดีที่สุดของอิตาลี และเคยร่วมงานกับนักเทนนิสระดับโลกอย่าง โนวัค ยอโควิช, อีวาน ลูบิชิช, ริชาร์ด กัสเกต์ และ มิลอส ราโอนิค มาแล้ว

 

ทั้งหมดนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากพ่อและแม่ของเขา ที่ยินดีจะให้ลูกชายของเขาเป็นนักกีฬา แม้ว่าในความเป็นจริงเส้นทางนี้มีโอกาสจะล้มเหลวมากกว่าประสบความสำเร็จก็ตาม

 

ในปี 2016 ซินเนอร์เดบิวต์ในฐานะนักเทนนิสอาชีพครั้งแรกในวัย 15 ปี ด้วยการเล่นในศึก ITF เซอร์กิต แต่ในตอนนั้นเขาไม่ประสบความสำเร็จมากนัก

 

เขาสะสมประสบการณ์ในระดับ ITF อยู่ราว 3 ปี ก่อนก้าวขึ้นมาเล่นในเทนนิสระดับ ATP ชาเลนเจอร์ ด้วยวัยเพียง 17 ปีเศษ แม้จะไม่สามารถคว้าแชมป์ได้เลย แต่เขาก็กลายเป็นนักเทนนิสชาวอิตาเลียนที่อายุน้อยที่สุดที่เล่นในระดับชาเลนเจอร์ทัวร์อยู่ดี

 

และหลังจากนั้นไม่ถึงปี ชื่อของ ยานนิก ซินเนอร์ ก็กลายเป็นที่รู้จักใน ATP ทัวร์อย่างรวดเร็ว

 

พรสวรรค์ที่เบ่งบาน

 

ยานนิก ซินเนอร์

Credit: janniksin

 

ชื่อของ ยานนิก ซินเนอร์ เริ่มปรากฏสู่สายตาแฟนเทนนิสและเป็นที่รู้จักครั้งแรกเมื่อราวปี 2019 ในฐานะนักเทนนิสดาวรุ่งที่คว้าแชมป์ ATP Next Gen ในปีนั้น พร้อมก้าวขึ้นมาเป็นมือ 78 ของโลก

 

เขากลายเป็นนักเทนนิสที่อายุน้อยที่สุดในโลก นับตั้งแต่ ราฟาเอล นาดาล ในปี 2003 ที่ติดอันดับท็อป 80 ของโลก ในวัยเพียง 17 ปี

 

ปีต่อมาเขาก้าวขึ้นสู่มือท็อป 40 ของโลก ก่อนคว้าแชมป์ 4 รายการ และเข้าถึงรอบชิงเทนนิส มาสเตอร์ส 1000 รายการแรกในชีวิตที่ไมอามีโอเพน ในปี 2021 และจบปีด้วยการเป็นมือวางท็อป 10 ของโลก ในวัย 20 ปี

 

เขาทำผลงานดีอย่างต่อเนื่องในปี 2022-2023 จนขึ้นมาจบปีที่อันดับ 4 ของโลก จากการคว้าเทนนิส มาสเตอร์ส 1000 รายการแรกที่แคนาเดียนโอเพน 2023 และจบรายการ ATP ไฟนอลส์ ด้วยตำแหน่งรองแชมป์

 

ในปีนี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นการเป็น ‘ยอโควิช-คิลเลอร์’ ของเขา เพราะในปีนี้เขาเจอกับ โนวัค ยอโควิช 4 ครั้ง ชนะ 2 แพ้ 2 ซึ่งนอกจากจะเป็นนักเทนนิสที่ดวลกับโนเล่บ่อยที่สุดในปีที่ผ่านมาแล้ว เขายังเป็นนักเทนนิสท็อป 10 ของโลกเพียงคนเดียวที่ยอโควิชไม่ได้มีสถิติรวมในการเจอกันแล้วเหนือกว่าด้วย

 

เพราะขนาด คาร์ลอส อัลคาราซ ที่ว่าแน่ๆ ในปีก่อน ยังมีสถิติแพ้ 3 ชนะ 1 เมื่อเจอกับมือ 1 ของโลกชาวเซิร์บรายนี้

 

แต่น่าเสียดายที่ส่วนใหญ่ในการแข่งขันตลอด 2-3 ปีหลัง โดยเฉพาะในต่างประเทศ พ่อแม่ของเขาไม่ได้มีส่วนมาชมความสำเร็จของซินเนอร์ด้วยตาของตัวเองมากนัก เพราะการเดินทางทุกสัปดาห์นั้นเป็นเรื่องที่เหนื่อยไม่น้อยสำหรับคนอายุมาก แต่ทั้งโยฮันน์และซิญินเดก็ไม่ลืมที่จะดูลูกชายที่บ้านของเขาอยู่เสมอ

 

ซินเนอร์เคยกล่าวว่า “ผมออกจากบ้านตอนอายุ 14 ปี ดังนั้นผมจึงต้องเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว พยายามทำอาหารกินเอง ซักผ้า แต่ในทางกลับกัน นั่นอาจเป็นวิธีที่เร็วที่สุดที่จะเติบโต

 

“ผมคิดว่ามันยากสำหรับผมมาก แต่สำหรับพ่อแม่ที่จะทิ้งลูกชายเมื่ออายุ 14 ปี มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน

 

“พวกเขาให้โอกาสแก่ผมเสมอ พวกเขาไม่เคยกดดันผมเลย ซึ่งสำหรับผมอาจเป็นกุญแจสำคัญว่าทำไมผมถึงมาจุดนี้ได้ พวกเขาเป็นพ่อแม่ที่สมบูรณ์แบบ แน่นอนว่าเพราะผมมีแค่พวกเขาเป็นพ่อแม่ พวกเขาจึงยอดเยี่ยมมากสำหรับผม”

 

ไม่ว่าเมื่อไร แรงใจก็จะมาจากครอบครัว

 

ยานนิก ซินเนอร์

 

เทนนิสออสเตรเลียนโอเพน 2024 ที่ผ่านมา ยานนิก ซินเนอร์ ก็โชว์ฟอร์มสมกับเป็น ‘ยอโควิช-คิลเลอร์’ อีกครั้ง หลังเอาชนะโนเล่ได้ในรอบรองชนะเลิศ พร้อมปิดเส้นทางการคว้าแชมป์สแลมที่ 25 และความฝันการคว้าโกลเดนสแลมของเขาลงตั้งแต่ต้นปี

 

ในรอบชิงชนะเลิศเขาปราบ ดานิล เมดเวเดฟ นักเทนนิสมือ 3 ของโลกจากรัสเซีย ไปแบบเรียกได้ว่าพลิกนรก จากการตามหลังไปก่อน 2 เซ็ต แต่มาแซงชนะ 3-2 เซ็ต สกอร์ 3-6, 3-6, 6-4, 6-4 และ 6-3 คว้าแชมป์แกรนด์สแลมแรกไปครองอย่างงดงาม

 

เขากลายเป็นแชมป์ออสเตรเลียนโอเพนชาวอิตาเลียนคนแรกในประวัติศาสตร์ในยุคโอเพน พร้อมกับฉายามากมาย ทั้ง ยอโควิช-คิลเลอร์, เจ้าจิ้งจอก, ไอ้หนุ่มแครอต และอีกหลากหลายสมญานามที่ถูกเรียกขาน ทั้งเพื่อแซวและยกย่อง

 

แต่ท่ามกลางความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ซินเนอร์ไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญกับครอบครัวของเขาที่เคียงข้างกันมาตลอด แม้จะไม่ได้เคียงข้างทางร่างกาย แต่จิตใจของเขาไม่เคยห่างจากพ่อแม่เลย

 

และทุกความสำเร็จของเขาตั้งแต่อดีตและอนาคตนับจากนี้ไป จะมีพ่อและแม่เป็นปัจจัยสำคัญอย่างแน่นอน

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X