สำนักข่าว Reuters รายงานว่า เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กำลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันอย่างหนักจากสมาชิกพรรคเดโมแครต ที่ต้องการให้มีการพิจารณาบังคับใช้กฎระเบียบกำกับดูแลบรรดากองทุนเฮดจ์ฟันด์และกองทุนขนาดใหญ่ทั้งหลายอย่างเข้มงวด ซึ่งข้อเรียกร้องครั้งนี้มีขึ้นในช่วงเวลาที่เยลเลนเป็นประธานนำการประชุมสภากำกับเสถียรภาพทางการเงิน หรือ Financial Stability Oversight Council (FSOC) เป็นครั้งแรกในวันที่ 31 มีนาคม
โดยสภา FSOC ซึ่งประกอบด้วยกระทรวงการคลัง, ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed), คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) และหน่วยงานด้านการเงินหลัก จะร่วมหารือเกี่ยวกับกิจกรรมการดำเนินงานของเหล่าเฮดจ์ฟันด์ ตลอดจนความเคลื่อนไหวของกองทุนเปิด (Open-End Mutual Fund) ทั้งหลายในช่วงวิกฤตการระบาดของโควิด-19
นอกจากนี้การประชุมครั้งนี้ยังจัดให้มีช่วงรับฟังความเห็นจากสาธารณะ เพื่อหารือแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องความเสี่ยงของระบบการเงินจากภาวะโลกร้อน
ทั้งนี้ ท่าทีของเยลเลนได้รับการจับตามองจากหลายฝ่าย หลังความเคลื่อนไหวของตลาดการเงินเกี่ยวกับกรณี Archegos เฮดจ์ฟันด์ในสหรัฐฯ ที่ถูก Margin Call และถูกบังคับขายในท้ายที่สุด จนทำให้ธนาคารชั้นนำขนาดใหญ่อย่างเครดิตสวิส และโนมูระ ต้องขาดทุนกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นหลักฐานยืนยันอย่างดีให้ทางสภาต้องเร่งหาแนวทางกำกับดูแลอย่างจริงจัง
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ผลกระทบความเสียหายจาก Archegos ยังอยู่ในวงจำกัด โดยมีหุ้นเพียงบางตัว เช่น ViaComCBS และ Discovery Inc ที่ได้รับผลกระทบ กระนั้นนักวิเคราะห์หลายสำนักก็กังวลว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน จะทำให้นักลงทุนในตลาดวิ่งเข้าหาความเสี่ยงมากขึ้น เพื่อสร้างกำไรและผลตอบแทนที่ดีกว่า
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: