‘แจ็ค หม่า’ เดินสายคุยธุรกิจในต่างแดน อาจเป็นการบ่อนทำลายชื่อเสียงการทำธุรกิจเอกชนในจีน ส่งสัญญาณไม่ลงรอยกัน

สื่อต่างประเทศจับตาว่า แม้ แจ็ค หม่า (Jack Ma) อาจเป็นหนึ่งในโอกาสที่ดีที่สุดของทางการจีนในการกู้ความเชื่อมั่นจากภาคธุรกิจเอกชนและอื่นๆ แต่มหาเศรษฐีรายนี้ยังคงปรากฏตัวอย่างระมัดระวังจากคำเชิญของทางการจีน

ทั้งนี้ แจ็ค หม่า หนึ่งในผู้นำธุรกิจที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของจีน ผู้ร่วมก่อตั้ง Alibaba Group และ Ant Group ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีการเงิน ได้หายตัวไปจากสาธารณะ หลังจากที่วิจารณ์หน่วยงานกำกับดูแลของจีนในการปราศรัยต่อสาธารณะเมื่อปี 2020 ที่เซี่ยงไฮ้

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ปราบปรามธุรกิจภาคส่วนต่างๆ ตั้งแต่อสังหาริมทรัพย์ แพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ต ไปจนถึงการศึกษา ทำให้วงการธุรกิจทั่วโลกต่างสงสัยในแรงกดดันของปักกิ่งที่มีต่อองค์กรที่ไม่ใช่ของรัฐ ในขณะที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ต้องการรวมอำนาจและมุ่งความสนใจไปที่เศรษฐกิจ แต่ทีมผู้นำชุดใหม่ของประเทศยังต้องการพัฒนาภาพลักษณ์ที่เป็นมิตรต่อธุรกิจ

แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องระบุว่า ทางการจีนพยายามเกลี้ยกล่อมหม่าซึ่งเดินทางออกนอกแผ่นดินใหญ่ให้กลับมา และช่วยแสดงการสนับสนุนของรัฐบาลต่อชุมชนธุรกิจ แต่หม่าเลือกที่จะอยู่ในต่างประเทศ โดยกล่าวว่าได้ถอยห่างจากบริษัทที่ตนเคยบริหาร เพื่อมุ่งเน้นการวิจัยเทคโนโลยีด้านการเกษตร

ขณะเดียวกัน ภายในบริษัท หม่าได้บอกกับผู้บริหารของ Alibaba Group และ Ant Group ว่าอย่าหมกมุ่นกับเรื่องที่ตนจะกลับมาที่จีน โดยเน้นย้ำว่ายังคงมุ่งมั่นที่จะทำบางสิ่งเพื่อให้บริษัทเหล่านี้ประสบความสำเร็จแม้อยู่ห่างไกลกันก็ตาม

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ แจ็ค หม่า คือการไปเยี่ยมโรงเรียนในหางโจวเมื่อวันจันทร์ เพื่อหารือเกี่ยวกับหัวข้อต่างๆ รวมถึง ChatGPT และหม่าหวังว่าจะได้กลับมาทำงานเดิมในฐานะครูในสักวันหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าหม่ามีแผนที่จะอยู่ในประเทศจีนนานแค่ไหน

การถอนตัวเป็นเวลานานของมหาเศรษฐีรายนี้ตอกย้ำความไม่ไว้วางใจที่ผู้ประกอบการและนักลงทุนทั่วโลกมีต่อทางการจีน ในเวลาที่นายกรัฐมนตรีหลี่เฉียง ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งใหม่ได้แสดงท่าทีสนับสนุนต่อภาคธุรกิจเอกชน

หลี่กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการสนทนาที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งนำไปสู่ความกังวลในหมู่ผู้ประกอบการเอกชนเมื่อปีที่แล้ว ฉะนั้นหน่วยงานกำกับดูแลไม่ควรเหยียบเบรกอย่างเดียว แต่ควรเหยียบคันเร่งด้วย

ในเวลาที่ผู้ประกอบการเอกชนยังคงได้เปรียบเพราะการเติบโตของยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba Group และ Ant Group เริ่มลดลง แต่ก็ส่งผลกระทบต่อสตาร์ทอัพที่ต้องพึ่งพาระบบนิเวศที่ใหญ่กว่าของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอยู่ดี

ผู้ก่อตั้งบริษัทรายหนึ่งในเจ้อเจียงกล่าวว่า ภาคเอกชนยังไม่ได้ถูกปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญหลังการปราบปราม การปราบปรามของรัฐมีอยู่ทั่วทุกหนแห่งและการสนับสนุนตามสัญญาจากทางการจีนยังคงไม่ปรากฏแน่ชัด ดังนั้นผลกระทบต่อชนชั้นผู้ประกอบการของจีนน่าจะยาวนาน ไม่ว่าในที่สุดหม่าจะกลับมาหรือไม่ก็ตาม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

อ้างอิง: