แจ็ค หม่า ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (Alibaba Group Holding Limited) เตรียมเกษียณตัวเองในวัย 55 ปี และลงจากตำแหน่งผู้บริหารแล้วในวันนี้ (10 ก.ย.)
เพื่อส่งไม้ต่อให้กับ แดเนียล จาง ก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารคนใหม่ของอาลีบาบา กรุ๊ปแทน นับเป็นการปิดฉาก 20 ปี ในบทบาทที่สร้างความสำเร็จให้กับยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซจากจีนรายนี้
หากยังจำกันได้ ย้อนกลับไปในงานฉลองครบรอบ 19 ปี อาลีบาบา และวันเกิด 54 ปีของหม่า เมื่อปีที่แล้ว (10 ก.ย.) อภิมหาเศรษฐีอันดับที่ 21 ของโลก ได้ประกาศแผนการเกษียณล่วงหน้าเอาไว้แล้ว และสร้างความประหลาดใจให้กับพนักงานในบริษัทอาลีบาบาและผู้คนทั่วโลกในช่วงเวลาดังกล่าวพอสมควร เพราะถือเป็นการตัดสินใจที่เหนือความคาดหมายเป็นอย่างมาก
ถึงอย่างนั้นก็ดี หม่ามองว่า ตัวเขาเองพอแล้วกับการบริหารงานที่อาลีบาบา และก็นับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะเปิดโอกาสให้อาลีบาบาได้ก้าวขึ้นไปสู่การเป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งด้านระบบองค์กร ไม่ได้ยึดติดกับการพึ่งพาบุคคลหรือใครเพียงคนใดคนหนึ่ง ซึ่งความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ของบริษัทจะไม่ใช่ ‘จุดจบ’ หากแต่เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของ ‘ยุคใหม่’
โดยหลังจากเกษียณ เขาจะยังดำรงตำแหน่งสำคัญในบอร์ดคณะกรรมการบริหารของอาลีบาบาต่อไป เพื่อให้คำปรึกษาในด้านการจัดการหรือด้านอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับองค์กรจนกว่างานประชุมผู้ถือหุ้นในปี 2020 จะเริ่มต้นขึ้น และจะมุ่งหน้าอุทิศตนให้ความช่วยเหลือมูลนิธิการกุศลด้านการศึกษาเป็นหลัก เพราะถือเป็นสิ่งที่เขาหลงใหลและให้ความสนใจ (ก่อนหน้าจะก่อตั้งอาลีบาบา เขาเคยเป็นครูสอนภาษาอังกฤษมาก่อนด้วย)
จากการเปิดเผยของนิตยสาร Forbes ปัจจุบัน แจ็ค หม่า นับเป็นหนึ่งในเศรษฐีผู้มีความมั่งคั่งในลำดับที่ 21 ของโลก (อันดับ 2 ของจีน รองจาก โพนี่ หม่า หรือ หม่า หัวเถิง ประธานผู้บริหาร Tencent) โดยมีสินทรัพย์ในครอบครองมากกว่า 37,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ผลประกอบการของอาลีบาบา กรุ๊ป นับเฉพาะครึ่งปี 2019 ที่ผ่านมา (เดือนมกราคม-มิถุนายน) อยู่ที่ประมาณ 208,422 ล้านหยวน หรือประมาณ 9 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่มีรายได้รวม 142,852 ล้านหยวน คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ราว 46%
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: