การประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันที่เมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน ที่เปิดฉากขึ้นวานนี้ (15 กรกฎาคม) มีการเสนอชื่อ เจ.ดี. แวนซ์ (J.D. Vance) วุฒิสมาชิกสายอนุรักษนิยม วัย 39 ปี จากรัฐโอไฮโอ เป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ร่วมกับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
โดยทรัมป์ยืนยันการตัดสินใจ และมองว่าแวนซ์เป็นบุคคลที่เหมาะสม ขณะที่หลายฝ่ายจับตามอง เนื่องจากในอดีตเขาเคยเป็นผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์อย่างดุเดือด ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีมาสนับสนุนและปกป้องทรัมป์ในภายหลัง
ประวัติคร่าวๆ ของแวนซ์ คือเกิดที่เมืองมิดเดิลทาวน์ รัฐโอไฮโอ ในปี 1984 เคยเป็นนาวิกโยธินช่วงปี 2003-2007 ก่อนเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอไฮโอ และโรงเรียนกฎหมายแห่งมหาวิทยาลัยเยล และได้ทำงานในบริษัทร่วมลงทุนในซิลิคอนแวลลีย์ ก่อนจะกลายมาเป็นที่รู้จักจากการเป็นนักเขียนหนังสือบันทึกความทรงจำ Hillbilly Elegy ซึ่งติดอันดับหนังสือขายดี
ช่วงก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2016 แวนซ์เคยเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่ ‘ไม่มีวันเลือกทรัมป์’ โดยมองว่าทรัมป์และนโยบายของเขานั้นอันตรายและไม่เหมาะกับตำแหน่งผู้นำประเทศ ขณะที่วิจารณ์วาทกรรมในเชิงแบ่งแยกเชื้อชาติของทรัมป์ โดยเรียกเขาว่าเป็น ‘ฮิตเลอร์ของอเมริกา’ ซึ่งช่วงปี 2017 ระหว่างที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เขาเคยวิจารณ์ทรัมป์อย่างรุนแรงว่าเป็น ‘หายนะทางด้านศีลธรรม’
อย่างไรก็ตาม เขาเริ่มเปลี่ยนมายอมรับทรัมป์ช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2020 ซึ่งเขามองว่ามีการโกงเลือกตั้งอย่างกว้างขวาง ก่อนจะได้พบกับทรัมป์ในปี 2021 และเปลี่ยนท่าทีมองว่าทรัมป์ประสบความสำเร็จในฐานะประธานาธิบดี และหันมาสนับสนุนและปกป้องทรัมป์อย่างจริงจังหลังได้รับการสนับสนุนจากทรัมป์ระหว่างการเลือกตั้งขั้นต้นของพรรครีพับลิกัน เพื่อลงสมัครชิงวุฒิสมาชิกรัฐโอไฮโอในปี 2022 และได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ ที่ปรึกษาหลายคนของทรัมป์เผยว่า ทรัมป์ตัดสินใจเลือกคู่ชิงรองประธานาธิบดีที่เขามองว่าสามารถไว้วางใจและเข้ากันได้ดี ซึ่งคนอื่นๆ นอกจากแวนซ์ที่ถูกพิจารณาคือ โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายคนโตของทรัมป์ และ ทักเกอร์ คาร์ลสัน นักวิจารณ์สายอนุรักษนิยม
โดยนักวิเคราะห์ยังมองว่า แวนซ์ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับทรัมป์ จากการเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ ด้วยวัยเพียง 39 ปี ในขณะที่ผู้สมัครชิงประธานาธิบดีทั้งทรัมป์ วัย 78 ปี และไบเดน วัย 81 ปี มีอายุที่ค่อนข้างสูง และก่อให้เกิดคำถามถึงประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ
ภาพประกอบ: พิชามญชุ์ วรรณสาร
อ้างอิง: