ความคืบหน้าคดีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมกับพวกรวม 4 คน ล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก หลังกลุ่มนายเปรมชัยเข้าให้ปากคำที่ สภ.ทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงการสอบปากคำดังกล่าวว่าเป็นการสอบปากคำประกอบสำนวนเพื่อความสมบูรณ์ ส่วนจะสอบเพิ่มเติมหรือไม่นั้น เท่าที่ได้รับรายงาน พนักงานสอบสวนไม่มีประเด็นอะไรที่ต้องสอบ เพราะอย่าลืมว่าคำให้การของผู้ต้องหา กฎหมายไม่ให้รับฟัง
ส่วนการดำเนินคดีกับนายเปรมชัย กรรณสูต ผู้ต้องหาฆ่าสัตว์ป่า กรณีงาช้างที่ตรวจยึดได้จากบ้านพักของนายเปรมชัย เบื้องต้นมีรายงานว่าจากผลการตรวจดีเอ็นเอพบว่าไม่ใช่งาช้างไทย
ดังนั้นกรมอุทยานฯ ในฐานะที่เป็นผู้รับจดแจ้งขึ้นทะเบียนงาช้างเป็นชื่อภรรยาของนายเปรมชัยทั้งที่ไม่สามารถทำได้ เพราะไม่ใช่งาช้างไทย ก็จะต้องเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.มักกะสัน ในฐานะผู้เสียหาย ให้ดำเนินคดีกับภรรยาของนายเปรมชัย
ยืนยันว่าตนไม่ได้ช่วยเหลือนายเปรมชัยให้พ้นผิดจากการครอบครองงาช้าง แต่เนื่องจากชื่อที่จดแจ้งกับกรมอุทยานฯ เป็นชื่อภรรยาของนายเปรมชัย จึงไม่สามารถดำเนินคดีกับนายเปรมชัยในข้อหานี้ได้
ส่วนกรณีที่มีภาพ พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รับไหว้นายเปรมชัยในลักษณะก้มหัวต่ำ ล่าสุด นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เรียกร้องให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ตั้งคณะกรรมการสอบจริยธรรม-วินัยนั้น
พลตำรวจเอก ศรีวราห์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวยินดีให้ตรวจสอบ แต่ทั้งนี้พนักงานสอบสวนไม่ใช่ว่าจะทำตามสื่อได้หมด ทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ยืนยันว่าไม่ว่าตนจะไหว้หรือไม่ไหว้ใครก็ไม่กระทบต่อสำนวนคดี
ขณะที่ พลตำรวจตรี กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินคดีนายเปรมชัยในข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่ โดยยืนยันว่าสามารถจะดำเนินการเอาผิดนายเปรมชัยและพวกในข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่ได้แน่นอน เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจมีพยานบุคคลที่สามารถระบุยืนยันตัวบุคคลได้ชัดเจนมากกว่าคลิปเสียงที่มีการปล่อยออกมา