เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวานนี้ (9 พฤศจิกายน) บมจ. อินโดรามา เวนเจอร์ส รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/63 ที่ 380 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 148%YoY แต่ลดลง 52%QoQ ต่ำกว่าตลาดคาดไว้ที่ 1,112 ล้านบาท โดย Core EBITDA/t ของ IVL ลดลง 19%YoY และลดลง 28%QoQ สู่ระดับ 68 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งถูกฉุดรั้งจากอัตรากำไรที่ปรับตัวลง QoQ ในทุกธุรกิจ
โดยหลักๆ มาจากธุรกิจ Integrated Oxides and Derivatives (IOD) ในสหรัฐฯ ที่หยุดชะงักลงเนื่องจากผลกระทบของเฮอริเคนและเกิดเหตุฟ้าผ่าที่โรงงานอีเทนแครกเกอร์ โดยราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยของบริษัทปรับตัวลงสู่ระดับ 703 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จาก 723 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในไตรมาส 2/63 และ 847 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในไตรมาส 3/62 ซึ่งผลกระทบเหล่านี้ไม่สามารถถูกชดเชยได้จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น 10%YoY และเพิ่มขึ้น 13.6%QoQ สู่ระดับสูงสุดที่ 3.68 ล้านตัน
ขณะที่ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/63 ที่ 908 ล้านบาท ลดลง 66%YoY และลดลง 46%QoQ ดีกว่าตลาดคาดไว้ที่ 830 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิไตรมาส 3/63 ที่ปรับตัวลงทั้ง YoY และ QoQ มาจาก Adjusted EBITDA Margin ที่ลดลง เนื่องจากธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันได้รับผลกระทบจากค่าการกลั่น (GRM) ที่ลดลง เพราะได้รับผลกระทบอย่างหนักจาก Crack Spread ที่ลดลงของน้ำมันดีเซล เนื่องจากอุปทานที่เพิ่มสูงขึ้นจากการกันมาผลิตน้ำมันดีเซลแทนน้ำมันอากาศยาน
รวมถึงธุรกิจอะโรเมติกส์ของ PTTGC ยังมี Adjusted EBITDA ที่ลดลงถึง 96%QoQ เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่อ่อนแอ โดยเฉพาะส่วนต่างราคา PX และเบนซิน นอกจากนี้ยังถูกกดดันจากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ลดลง
กระทบอย่างไร:
เมื่อวานนี้ราคาหุ้น IVL ปรับตัวขึ้น 1.98%DoD สู่ระดับ 25.75 บาท แม้จะรายงานผลประกอบการที่ต่ำกว่าตลาดคาด แต่ปัจจัยลบนี้ถูกบดบังโดยผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะที่ราคาหุ้น PTTGC วานนี้ปรับตัวขึ้น 1.75%DoD สู่ระดับ 46.25 บาท
สำหรับวันนี้ (10 พฤศจิกายน) ราคาหุ้น IVL และ PTTGC ยังคงปรับตัวขึ้นต่อ 5.83%DoD และ 6.49%DoD สู่ระดับ 27.25 และ 49.25 บาท
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4/63 ของ IVL จะปรับตัวดีขึ้น QoQ เนื่องจากอุปสงค์บรรจุภัณฑ์ PET ยังคงแข็งแกร่งท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศตะวันตก นอกจากนี้ปริมาณการผลิตจะเพิ่มขึ้นและ Core EBITDA/t จะดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากโรงงาน IOD จะกลับมาดำเนินการผลิตตามปกติ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนต่อแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/63 ของ IVL
ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/63 ของ PTTGC นั้น SCBS คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน โดยหลักๆ จะมาจากธุรกิจโอเลฟินส์ เนื่องจากมีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้วัตถุดิบ และบริษัทมีการวางแผนคงอัตราการใช้กำลังการผลิตสูงสุดเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากภาวะตลาดที่ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก SCBS เชื่อว่าอุปสงค์น้ำมันสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมียังคงมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงได้ในอนาคต
มุมมองระยะยาว:
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามสำหรับหุ้นกลุ่มปิโตรในระยะถัดไปคือความผันผวนของทิศทางราคาน้ำมันและอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่อาจต่ำกว่าคาดเพราะผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงแนวโน้มการห้ามใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
ข้อมูลเพิ่มเติม:
%YoY คือเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาเดียวกับเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
%QoQ คือเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์