บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส หรือ IVL ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก ประกาศข้อตกลงเข้าซื้อบริษัท Oxiteno S.A. Indústria e Comércio ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในประเทศบราซิล และเป็นบริษัทย่อยของ Ultrapar Participações S.A. ด้วยมูลค่าเข้าซื้อ 1.3 พันล้านดอลลาร์ การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ทำให้ IVL มีธุรกิจที่เป็นเอกลักษณ์ในอุตสาหกรรมสารลดแรงตึงผิวมูลค่าเพิ่ม อีกทั้งยังช่วยขยายกลุ่มธุรกิจ Integrated Oxides and Derivatives หรือ IOD ที่ดำเนินการอยู่อย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ Oxiteno เป็นผู้นำในการผลิตสารลดแรงตึงแบบบูรณาการสำหรับตลาดผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจอย่างมากในลาตินอเมริกา การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้นำมาซึ่งทีมผู้บริหารที่เป็นเลิศ ความเชี่ยวชาญระดับโลกในนวัตกรรมเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้าในประเทศบราซิล อุรุกวัย และเม็กซิโก พร้อมด้วยศักยภาพการเติบโตอย่างเป็นรูปธรรมในตลาดผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ ซึ่งรวมถึงโรงงานแห่งใหม่ในเมืองพาซาดีนา รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ Oxiteno ยังมีความมุ่งมั่นอย่างมากในการกำกับกิจการด้านสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการรับรองด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social, and Governance หรือ ESG) ของ IVL
โดย IVL จะเข้าซื้อ Oxiteno ด้วยมูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ (อาจมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเสร็จสิ้น) โดยมีกำหนดระยะเวลาการชำระมูลค่า 150 ล้านดอลลาร์ ในปี 2567 ธุรกรรมดังกล่าวขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย คาดว่าจะดำเนินธุรกรรมแล้วเสร็จในไตรมาส 1/65 และจะสร้างรายได้ส่วนเพิ่มในทันที
บริษัทจะใช้แหล่งเงินทุนจากการยืดระยะเวลาการชำระบางส่วน และใช้เงินสดส่วนเกิน กระแสเงินสดอิสระจากการดำเนินธุรกิจที่มีอยู่ เงินกู้ระยะสั้นสำหรับเงินทุนหมุนเวียน และส่วนที่เหลือจากหนี้สินระยะยาว
อาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ IVL จะมีตำแหน่งทางการตลาดที่มีความเป็นเอกลักษณ์ในเทคโนโลยีสำหรับการใช้งานที่มีความเฉพาะเจาะจง อุดมด้วยทรัพย์สินทางปัญญา และมีมูลค่าเพิ่ม ทั้งในตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลที่อยู่อาศัยและการดูแลส่วนบุคคล เคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร สารเคลือบผิว รวมถึงน้ำมันและก๊าซ ตลาดสารลดแรงตึงผิวมีการเติบโตอย่างมั่นคงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโต ได้แก่ การเติบโตของประชากร การขยายตัวของสังคมเมือง และการเพิ่มการตระหนักด้านสุขอนามัยในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด
ฐานการผลิต 11 แห่ง ลูกค้าใน 4 ทวีป และทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ของ Oxiteno จะช่วยเสริมกลุ่มธุรกิจ IOD ในสหรัฐฯ และลาตินอเมริกา ในขณะที่ศูนย์การวิจัยและเทคโนโลยีทั้ง 5 แห่งของ Oxiteno จะช่วยเพิ่มการรับรองด้านนวัตกรรมของ IVL สำหรับเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ การดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นนี้มีศักยภาพในการขับเคลื่อนการขยายธุรกิจในทวีปยุโรปและเอเชีย พร้อมการยกระดับธุรกิจสารลดแรงตึงผิวของ Indorama Ventures Oxides (IVOX) ในประเทศออสเตรเลียและอินเดีย รวมถึงฐานการผลิตอื่นๆ ของ IVL ใน 34 ประเทศทั่วโลก
โดย IVL คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากการควบรวมกิจการมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2568 ผ่านการปรับกลุ่มธุรกิจ การเพิ่มศักยภาพของสินทรัพย์ และความเป็นเลิศในการดำเนินงาน
ด้าน Frederico Curado ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Ultra Group กล่าวว่า Oxiteno จะได้รับประโยชน์จากการบูรณาการผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่เข้าเป็นหนึ่งเดียวกับธุรกิจ ซึ่งจะกำหนดจุดยืนทางกลยุทธ์เพื่อนำพาบริษัทไปสู่การเติบโตในอนาคต
ขณะที่ผลิตภัณฑ์ HVA ที่โดดเด่นด้านนวัตกรรมของ Oxiteno เป็นส่วนสำคัญที่จะเติมเต็มรูปแบบธุรกิจที่เติบโตของ IVL และเป็นปัจจัยผลักดันการคาดการณ์ EBITDA ของ IVL ในช่วง 2 ปีนับจากนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 15% จากที่บริษัทประกาศไว้ในเดือนมกราคม 2564 เมื่อผนวกกับสินทรัพย์ระดับโลกของ IVL ที่ซื้อจากบริษัท Huntsman ซึ่งตั้งอยู่ในสหรัฐฯ เมื่อปี 2563 (ธุรกรรม Spindletop) การเข้าซื้อ Oxiteno จะทำให้กลุ่มธุรกิจล่าสุดอย่าง IOD เป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตที่มีผลกำไรสูง ควบคู่ไปกับธุรกิจเริ่มต้นอย่าง PET อีกทั้งจะสร้างรูปแบบธุรกิจผสมผสานที่แข็งแกร่งและมีความยืนหยุ่นมากขึ้น
นอกจากนี้ การรับรองนวัตกรรมเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของ Oxiteno ยังช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับเป้าหมายที่ท้าทายของ IVLในด้านความยั่งยืน ในฐานะผู้นำการดำเนินเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับ PET และส่วนประกอบทางชีวภาพ ทั้งนี้ ประเทศบราซิลเป็นแหล่งผลิตเอทานอลที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งใช้ในการผลิตเอทิลีนทางชีวภาพ (Bio-ethylene) เพื่อเพิ่มความยั่งยืนให้แก่กลุ่มอนุพันธ์เอทิลีนออกไซด์ (Ethylene Oxide Derivatives: EOD) และ PET ที่ยั่งยืน
โดยปัจจุบัน IVL เป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติกที่ใช้สำหรับขวด PET รีไซเคิลรายใหญ่ที่สุดของโลก และตั้งเป้าที่จะรีไซเคิล PET ทั่วโลกให้ได้อย่างน้อย 750,000 ตันต่อปี ภายในปี 2568 พร้อมลงทุน 1.5 พันล้านดอลลาร์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย