**บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของการ์ตูนเรื่อง นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ
“ขอโทษนะซาสึเกะ เอาไว้คราวหน้านะ”
คือประโยคสั้นๆ แต่เต็มไปด้วยความขมขื่นที่เชื่อว่าแฟนการ์ตูน นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ หลายคน (เราคือหนึ่งในนั้น) เคยเสียน้ำตาให้กับ อุจิวะ อิทาจิ ‘พี่ชาย’ ที่แสนดีที่มีวันคล้ายวันเกิดตรงกับวันนี้ (9 มิถุนายน)
อุจิวะ อิทาจิ คือหนึ่งในตัวละครจากปลายปากกาของ อาจารย์คิชิโมโตะ มาซาชิ ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือการ์ตูน นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ ตอนที่ 139 ในฐานะหนึ่งในสมาชิกกลุ่มแสงอุษาที่ลอบเร้นเข้ามาในหมู่บ้านโคโนฮะงาคุเระพร้อมกับ โฮชิงากิ คิซาเมะ เพื่อนำตัว อุซึมากิ นารูโตะ เด็กหนุ่มผู้มีพลังของจิ้งจอกเก้าหางสิงสถิตอยู่กลับไป
อิทาจิคือหนึ่งใน ‘นินจาอัจฉริยะ’ ที่สามารถสอบเข้าโรงเรียนนินจาได้สำเร็จด้วยอายุเพียง 6 ขวบ สามารถเบิกเนตรวงแหวนของตัวเองได้ตอนอายุ 8 ขวบ ก่อนที่จะสอบเป็นจูนินได้ด้วยอายุเพียง 10 ขวบ และเมื่ออายุได้ 11 ขวบ เขาได้เข้าเป็นหนึ่งในหน่วยลับของหมู่บ้านสำเร็จ และใช้เวลาเพียง 1 ปีก็ถูกแต่งตั้งเป็นหัวหน้าหน่วยย่อยของหน่วยลับได้ในที่สุด
ด้วยความสามารถอันเอกอุของอิทาจิ จึงทำให้ ซาสึเกะ ผู้เป็นน้องชายปลาบปลื้ม และหมายมั่นว่าจะเป็นนินจาที่เก่งกาจอย่างพี่ชายของตัวเองให้ได้ในสักวันหนึ่ง
หากแต่ความสำเร็จที่ก้าวกระโดดตั้งแต่วัยเยาว์ของอิทาจิกลับพาให้ชีวิตของเขาไปสู่ขุมนรก เมื่อตระกูลอุจิวะวางแผนก่อกบฏเพื่อยึดครองหมู่บ้าน อิทาจิจึงต้องกลายเป็นสายลับสองหน้าเพื่อตบตาคนในตระกูล และคอยสืบสวนข้อมูลให้กับหมู่บ้าน
จนกระทั่งวันหนึ่งอิทาจิได้รับมอบหมายภารกิจลับสุดยอดจาก ดันโซ หัวหน้าหน่วยลับ ให้ลอบฆ่าล้างตระกูลของตัวเองเพื่อยับยั้งไม่ให้เกิดการกบฏขึ้น ในเวลาเดียวกันอิทาจิได้ไปพบกับ อุจิวะ มาดาระ เพื่อต่อรองไม่ให้มาดาระบุกโจมตี โดยยอมฆ่าล้างตระกูลอุจิวะที่เคยหักหลังมาดาระแทน
และแล้วคืนแห่งความขมขื่นของอิทาจิก็มาถึง เมื่อเขาเริ่มลงมือสังหารตระกูลของตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่พ่อและแม่ผู้ให้กำเนิด เพื่อทำภารกิจปกป้องหมู่บ้านให้ลุล่วง แต่แล้วภารกิจของเขาไม่อาจลุล่วง เพราะไม่สามารถลงมือฆ่าน้องชายของตัวเองได้
แต่เพราะรู้ว่าโลกหลังจากนี้เต็มไปด้วยความโหดร้าย อิทาจิจึงเลือกที่จะให้ซาสึเกะเคียดแค้นตนเองเพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนให้น้องชายเติบโตขึ้นเป็นนินจาที่เก่งกาจ
“น้องชายหน้าโง่ ถ้าอยากฆ่าฉันนักก็จงเคียดแค้น ชิงชัง มีชีวิตต่อไปอย่างน่าสังเวช และเมื่อวันหนึ่งที่นายมีเนตรเหมือนกับฉันก็เข้ามาฆ่าฉันได้เลย”
และเพื่อไม่ให้ชื่อเสียงของตระกูลอุจิวะต้องเสื่อมเสียจากการก่อกบฏ อิทาจิได้ตัดสินใจกลายเป็นนินจาถอนตัว และถูกผู้คนในหมู่บ้านตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ และพาตัวเองแทรกซึมเข้าไปอยู่ในองค์กรแสงอุษาเพื่อคอยปกป้องหมู่บ้านอยู่ภายใต้เงามืดแบบลับๆ
ถึงแม้ไม่ใช่ตัวละครหลัก แต่ อุจิวะ อิทาจิ ถือเป็นหนึ่งในตัวละครที่มีองค์ประกอบโดดเด่นที่สุดตัวหนึ่งของเรื่อง เริ่มต้นตั้งแต่การออกแบบตัวละครที่มีเสน่ห์ ทั้งดวงตาอันโฉบเฉี่ยว ใบหน้าที่เคร่งขรึม และกิริยาท่าทางที่ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความเก่งกาจ
รวมถึงมิติของตัวละครที่มีความลึกลับและปริศนามากมายให้ผู้อ่านได้คาดเดากันไปต่างๆ นานาตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับซาสึเกะ ที่ตัวเขาต้องปิดบังอำพรางความรักความห่วงใยเอาไว้ จนกระทั่งการเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายที่ยอมแลกชีวิตเพื่อช่วยเหลือซาสึเกะจากอักขระคำสาปของโอโรจิมารุ ก่อนที่จะถ่ายทอดพลังเนตรวงแหวนให้กับซาสึเกะเพื่อหวังว่าเขาจะนำพลังนั้นไปใช้ปกป้องหมู่บ้านและโลกนินจา ซึ่งนำไปสู่ฉากเรียกน้ำตาที่แฟนๆ การ์ตูนเรื่องนี้ไม่มีวันลืม
“ขอโทษนะซาสึเกะ แต่คราวนี้ครั้งสุดท้ายแล้วล่ะ”
นอกจากความรักที่มีให้กับน้องชาย อิทาจิยังเป็นหนึ่งในตัวละครที่สามารถอธิบายนิยามของคำว่า ‘ปิดทองหลังพระ’ ได้อย่างชัดเจนที่สุด เพราะถึงแม้จะถูกสังคมตีตราว่าเป็นคนทรยศ แต่เขาก็ยังคงปกป้องหมู่บ้านของตัวเองอยู่ภายในเงามืดอย่างดีที่สุด
แม้กระทั่งในวันที่จากโลกนี้ไปแล้ว และเมื่อเกิดเหตุการณ์สงครามโลกนินจาครั้งที่ 4 เมื่ออิทาจิที่ถูกคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งในระหว่างนั้นอิทาจิก็ได้มอบบทเรียนสำคัญให้กับนารูโตะ ที่ดูจะสามารถนำมาใช้ได้กับโลกความเป็นจริงในปัจจุบัน
“ไม่ใช่ว่าการได้เป็นโฮคาเงะจะทำให้ทุกคนในหมู่บ้านยอมรับในตัวนาย แต่คนที่ได้รับการยอมรับจากคนในหมู่บ้านต่างหากคือคนที่เป็นโฮคาเงะ”
ก่อนที่เขาจะร่วมมือกับซาสึเกะเพื่อหยุดยั้งคาถาสัมภเวสีคืนชีพของคาบูโตะลงได้สำเร็จ ทำให้ฝ่ายของพันธมิตรนินจากลับมาได้เปรียบ และเป็นอีกครั้งที่อิทาจิกลายเป็น ‘วีรบุรุษไร้ชื่อ’ เพราะแทบไม่มีใครรู้ความจริงที่ว่าเขาต้องเสียสละตัวเองมากแค่ไหนเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
แต่อย่างน้อยที่สุด ครั้งนี้เขามีเวลาและโอกาสมากยิ่งขึ้นที่จะบอกความรู้สึกที่เก็บซ่อนเอาไว้ให้กับน้องชาย และกลายเป็นฉากทำให้ใครหลายคนต้องเสียน้ำตาให้กับการจากไปอย่างภาคภูมิของพี่ชายที่แสนดีคนนี้อีกครั้ง
“ไม่ว่านายจะตัดสินใจยังไงต่อจากนี้ ฉันก็จะรักนายตลอดไป”
ด้วยรักและอาลัยถึง ‘พี่ชาย’ ผู้แสนดี
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: