เกิดเหตุระเบิดใจกลางอิสตันบูล เสียชีวิต 6 ราย บาดเจ็บ 81 ราย

วานนี้ (13 พฤศจิกายน) เกิดเหตุระเบิดขึ้นในย่านการค้าใจกลางเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย และบาดเจ็บอีก 81 ราย

เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 16.20 น. ของวานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ณ จัตุรัสทักซิม โดยภาพจากวิดีโอเผยให้เห็นว่ามีเสียงดังสนั่นเกิดขึ้นพร้อมกับประกายไฟที่สว่างวาบขึ้นมา หลังจากนั้นผู้คนก็วิ่งหนีกันอย่างอลหม่าน โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าอาจเป็นการก่อการร้ายที่มีผู้ลงมือเป็นหญิงรายหนึ่ง

เบคีร์ บอซดัก รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม กล่าวกับสื่อของตุรกีว่า จากการตรวจสอบพบผู้ต้องสงสัยรายหนึ่ง เป็นผู้หญิงที่นั่งอยู่บนม้านั่งในพื้นที่ดังกล่าวนานกว่า 40 นาที และเธอได้ลุกจากที่นั่งตรงนั้นเพียงไม่กี่นาทีก่อนที่จะเกิดเหตุระเบิดขึ้น แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มก่อการร้ายใดที่ออกมาอ้างตัวว่าเป็นผู้ก่อเหตุ

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (14 พฤศจิกายน) รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของตุรกีเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ทางการสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้แล้ว แต่ยังไม่มีรายงานยืนยันชัดเจนว่าเป็นหญิงคนดังกล่าวหรือไม่

ขณะที่ประธานาธิบดี เรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี ประกาศว่า คนร้ายจะต้องได้รับบทลงโทษ พร้อมประณามการกระทำดังกล่าวว่าเป็นการโจมตีที่ชั่วร้าย และกล่าวด้วยว่า ‘กลิ่นของการก่อการร้าย’ กำลังลอยอบอวลอยู่ในอากาศ

ผู้สื่อข่าวของ BBC ที่อยู่ในพื้นที่เล่าว่า ภายหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระดมกำลังกันออกมารักษาความปลอดภัยเต็มถนนอิสติกลัล ซึ่งถูกปิดล้อมไม่ให้บุคคลภายนอกเข้า รวมถึงมีเฮลิคอปเตอร์และรถพยาบาลเข้า-ออกในพื้นที่อยู่ตลอด

ภายหลังเกิดเหตุ ทั่วโลกได้ส่งสารแสดงความเสียใจและมอบกำลังใจให้กับตุรกี โดยแถลงการณ์จากทำเนียบขาวของสหรัฐอเมริการะบุว่า สหรัฐฯ ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกับพันธมิตร NATO เพื่อต่อสู้กับเหตุก่อการร้าย ขณะที่ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ทวีตข้อความเป็นภาษาตุรกีว่า “ชาวฝรั่งเศสรู้สึกเจ็บปวดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราขอยืนเคียงข้างคุณเพื่อต่อสู้กับเหตุก่อการร้าย”

อนึ่ง ถนนอิสติกลัลเป็นหนึ่งในถนนสายหลักของเมืองอิสตัลบูล ซึ่งปกติแล้วมักจะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศที่ออกมาชอปปิ้งและรับประทานอาหาร โดยถนนสายนี้เคยตกเป็นเป้าหมายของมือระเบิดฆ่าตัวตายมาแล้วเมื่อปี 2016

ภาพ: Hakan Akgun / di images via Getty Images

อ้างอิง: