กลุ่มนักกิจกรรมและประชาชนที่ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล คสช. ที่บริเวณสกายวอล์ก แยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2561 เดินทางมาที่ สน.ปทุมวัน หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาและออกหมายเรียกจำนวน 39 คน
ในจำนวน 39 คนนี้ แบ่งเป็นแจ้งข้อกล่าวหากับแกนนำ 7 คน จำนวน 3 ข้อหา ได้แก่ ฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 3/2558 ผิดฐานยุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และผิดฐานร่วมกันชุมนุมในที่สาธารณะในรัศมี 150 เมตรจากเขตพระราชฐาน ตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 มาตรา 7 วรรคแรก
ส่วนประชาชนแนวร่วมที่เหลืออีก 32 คน ถูกแจ้งข้อหาเดียวคือ ผิดฐานร่วมกันชุมนุมในที่สาธารณะในรัศมี 150 เมตรจากเขตพระราชฐาน
วันนี้ (2 ก.พ.) นักกิจกรรมและประชาชนทยอยเดินทางมาที่ สน.ปทุมวัน ซึ่งแกนนำทั้ง 7 คนที่ถูกออกหมายเรียกมีเพียง ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ เพียงคนเดียวที่เดินทางมาที่ สน.ปทุมวัน ในวันนี้
ณัฏฐาตอบข้อคำถามที่ว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงมาใช้กฎหมาย พ.ร.บ. ชุมนุมสาธารณะ กับผู้ชุมนุมจำนวนมากในช่วงนี้ว่า เพราะเขาเอาความกลัวของตัวเองมาฝังให้ชาวบ้าน เพราะตัวเองกลัวว่ามันจะจุดติด กลัวว่ากระแสการตอบรับจะทำให้ยื้ออำนาจได้ลำบากขึ้น ก็เลยผลักความกลัวนี้มาให้ชาวบ้าน ตอนแรกผลักมาให้แกนนำ แต่ก็เห็นว่าแกนนำเป็นคนมีความรู้มีปัญญา ไม่กลัว ก็เลยผลักไปให้ชาวบ้าน คิดว่าชาวบ้านจะกลัว
ณัฏฐาบอกด้วยว่า วันนี้ในส่วนตัวเองก็พร้อมเข้ารายงานตัว และคัดค้านการฝากขัง ซึ่งได้เตรียมหลักทรัพย์ไว้ประกันตัว รวมถึงมีบุคคลที่เป็นข้าราชการยินดีที่จะใช้ตำแหน่งมาเป็นหลักประกันให้ด้วย
ณัฏฐาย้ำว่า การชุมนุมเมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมาว่าสามารถทำได้ ไม่ผิดกฎหมาย เนื่องจากเป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนโดยตรง ส่วนข้อหาที่มีการแจ้งความตาม พ.ร.บ. ชุมนุมสาธารณะ ม.7 ที่ห้ามชุมนุมใกล้เขตพระราชฐานในระยะไม่เกิน 150 เมตรนั้น ทุกคนที่ไปชุมนุมได้ตรวจสอบผ่าน Google Maps แล้วว่า มีระยะห่างมากกว่า 200 เมตร ส่วนการนัดชุมนุมในวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ ยืนยันว่าจะมีกิจกรรมชุมนุมตามเดิมที่ถนนราชดำเนิน
สำหรับบรรยากาศในช่วงเช้า ประชาชนแนวร่วมที่ถูกหมายเรียกวันนี้กำลังประชุมตกลงกันกับทีมทนายความว่าจะขอเลื่อนการรายงานตัวออกไปหรือไม่ เนื่องจากบางคนไม่ทราบขั้นตอนตามกฎหมายว่าจะต้องเตรียมหลักทรัพย์มาประกันตัว ขณะที่บางคนรู้สึกตกใจเมื่อทราบว่าจะต้องถูกฝากขัง
ภาวิณี ชุมศรี ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า วันนี้มีบุคคลที่ถูกออกหมายเรียกเดินทางมา 30 คน โดยหลังการหารือกันแล้ว ตำรวจแจ้งว่าจะทำการผัดฟ้องเพื่อฝากขังในวันนี้ และให้ผู้ชุมนุมไปยื่นประกันตัวที่ชั้นศาล ซึ่งข้อหาของประชาชนทั่วไป ตาม พ.ร.บ. ชุมนุมสาธารณะ ต้องใช้หลักทรัพย์ประมาณ 20,000 บาท ส่วนข้อหาของแกนนำ 7 คนนั้นต้องใช้หลักทรัพย์ประกันตัวถึง 200,000 บาท
ทนายความเผยว่า การออกหมายเรียกดังกล่าวถือว่ามีความกระชั้นชิด ทำให้เตรียมหลักทรัพย์ในการยื่นประกันตัวไม่ทัน โดยจากนี้จะขอกลับไปรวบรวมหลักทรัพย์เพื่อประกันตัว ซึ่งอาจจะใ้ช้วิธีจัดกิจกรรมระดมทุน เพราะประชาชนหลายคนไม่มีเงินเพียงพอ
อีกทั้งทนายเกรงว่าหากเข้ารายงานตัวในวันนี้ กระบวนการยื่นประกันตัวอาจไม่ทันเวลาเนื่องจากติดกับวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งจะทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมต้องติดอยู่ในเรือนจำ 2 วัน ผู้ชุมนุมจึงตกลงกันว่าขอเลื่อนการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาไปเป็นวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 09.00 น.
ส่วนกลุ่มแกนนำทั้ง 7 คน ซึ่งถูก 3 ข้อหาหนักนั้น ณัฏฐา หรือ โบว์ ได้ขอเลื่อนเข้ารับทราบข้อหาเป็นวันที่ 14 กุมภาพันธ์แทน ขณะที่ รังสิมันต์ โรม และ สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว ได้ขอเลื่อนมารับทราบข้อหาเป็นวันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้ ส่วนแกนนำอีก 4 คนยังไม่มีการแจ้งขอเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหาแต่อย่างใด
ทนายความยอมรับว่า ประชาชนที่ถูกดำเนินคดีในครั้งนี้ ต้องระมัดระวังตัวในการเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะอาจถูกดำเนินคดีอีกข้อหาหนึ่งได้ แม้ว่าตามหลักกฎหมาย การถูกออกหมายเรียกตามกฎหมาย ไม่ได้ระบุว่าถูกห้ามชุมนุม หรือห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
ทั้งนี้ภายหลังเข้ายื่นหนังสือขอเลื่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวนพิจารณาไม่ให้เลื่อน แต่ออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 8 กุมภาพันธ์นี้แทน
ขณะที่มีรายงานว่า นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด และ นายวีระ สมความคิด แกนนำ 2 ใน 7 คน จะเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.ปทุมวัน ในวันพรุ่งนี้ (3 ก.พ.)