คณะกรรมาธิการความมั่นคงสาธารณะของรัฐสภาอิสราเอล เตรียมดำเนินการสอบสวนสำนักงานตำรวจ หลังจากปรากฏรายงานข่าวว่า ทางกองกำลังตำรวจได้ใช้สปายแวร์ Pegasus ซึ่งเป็นเครื่องมือในการแฮ็กข้อมูล เพื่อสอดแนมประชาชนภายในประเทศ
ข่าวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกมาเมื่อวานนี้ (18 มกราคม) โดยหนังสือพิมพ์ Calcalist ของอิสราเอล ซึ่งไม่เปิดเผยแหล่งข่าว รายงานระบุว่าตำรวจได้ใช้สปายแวร์ Pegasus ที่พัฒนาโดยบริษัทเทคโนโลยีสอดแนมของอิสราเอล ชื่อว่า NSO Group ซึ่งถูกรัฐบาลสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำมาตั้งแต่ปี 2013
Calcalist รายงานว่าตำรวจได้ใช้สปายแวร์ดังกล่าวในการสอดแนมเป้าหมาย ซึ่งรวมถึงแกนนำกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลและหลายครั้งเป็นการใช้งานโดยไม่มีหมายศาล
ขณะที่ข่าวการใช้สปายแวร์ Pegasus ยังเพิ่มแรงกดดันมากขึ้นให้กับทางการอิสราเอล เนื่องจากที่ผ่านมา สปายแวร์ตัวนี้ถูกวิจารณ์อย่างรุนแรงว่ามีรัฐบาลต่างชาติ โดยเฉพาะรัฐบาลเผด็จการในบางประเทศสั่งซื้อไปใช้เพื่อสอดแนมนักการเมือง นักข่าว และนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน
ทางด้าน เมราฟ เบ็น อารี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงสาธารณะของรัฐสภาอิสราเอล เปิดเผยต่อสถานีโทรทัศน์ Channel 12 TV ยืนยันว่า ทางคณะกรรมาธิการจะมีการเรียกประชุมอย่างเร็วภายในสัปดาห์หน้า เพื่อสอบสวนตำรวจเกี่ยวกับรายงานข่าวที่ปรากฏ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่น่ากังวลเกี่ยวกับการละเมิดความเป็นส่วนตัวและระบอบประชาธิปไตย
“วันนี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายคนมาหาฉัน นี่เป็นเหตุการณ์ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการละเมิดความเป็นส่วนตัวและประชาธิปไตยในภาพรวม” เบ็น อารี กล่าว พร้อมทั้งยืนยันว่า ตำรวจจะต้องมีคำอธิบายในเรื่องนี้
ขณะที่ โกบี แชบไท ผู้บัญชาการตำรวจอิสราเอล แสดงความเห็นต่อรายงานข่าวดังกล่าว โดยเปิดเผยว่า ทางตำรวจได้มีการจัดซื้อเทคโนโลยีไซเบอร์จากบริษัท Third Party แต่ไม่ปฏิเสธหรือยืนยันเรื่องการใช้งานสปายแวร์ Pegasus พร้อมทั้งระบุว่า การดำเนินการเฝ้าระวังทั้งหมดของตำรวจนั้นเป็นไปตามกฎหมาย เช่น ในกรณีการดักฟังจะมีการยื่นคำร้องต่อศาลและมีการตรวจสอบข้อมูลก่อนดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม เขาปฏิเสธรายงานข่าวที่ระบุว่า ตำรวจได้ใช้สปายแวร์ในการสอดแนมกลุ่มแกนนำการประท้วงธงดำ ซึ่งออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ เบนจามิน เนทันยาฮู ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อปีที่แล้ว
ทั้งนี้ บริษัท NSO Group ให้ความเห็นว่าไม่สามารถยืนยันหรือปฏิเสธข้อมูลลูกค้าได้ แต่ยืนยันว่าทางบริษัทไม่ได้ดำเนินการใช้งานระบบสปายแวร์หลังจากที่ขายให้กับลูกค้าในรัฐบาลต่างๆ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น กับการใช้งานสปายแวร์ของลูกค้า
“NSO ขายผลิตภัณฑ์ภายใต้ใบอนุญาตและข้อบังคับให้กับหน่วยข่าวกรองและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เพื่อป้องกันการก่อการร้ายและอาชญากรรมภายใต้คำสั่งศาลและกฎหมายท้องถิ่นของประเทศของพวกเขา” NSO ระบุ
ทั้งนี้ ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทางกลุ่ม ส.ส. สหรัฐฯ ยังได้ขอให้กระทรวงการคลังและกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการคว่ำบาตร 4 บริษัทเทคโนโลยีสอดแนมต่างชาติ ซึ่งรวมถึง NSO โดยระบุสาเหตุจากการให้ความช่วยเหลือรัฐบาลเผด็จการในการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ขณะที่เมื่อเดือนพฤศจิกายน บริษัท Apple ยังฟ้องร้อง NSO โดยกล่าวหาว่าละเมิดกฎหมายสหรัฐฯ จากการที่มีการใช้งานสปายแวร์ Pegasus เจาะระบบของ iPhone
ภาพ: Photo by Amir Levy/Getty Images
อ้างอิง: