×

ประมวลสถานการณ์สู้รบอิสราเอล-ปาเลสไตน์

09.10.2023
  • LOADING...
อิสราเอล-ปาเลสไตน์

สถานการณ์ล่าสุด 

 

สำนักข่าว Al Jazeera รายงานว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลแล้วอย่างน้อย 700 คน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาจากการโต้กลับของกองทัพอิสราเอลก็สูงถึง 413 คนแล้ว โดยทั้งสองฝ่ายมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และคาดว่าตัวเลขเหล่านี้จะยังเพิ่มสูงขึ้นอีก 

 

ล่าสุดวันนี้ (9 ตุลาคม) เวลา 11.00 น. ทางการไทยยืนยันว่า ได้รับแจ้งจากนายจ้างว่ามีคนไทยในอิสราเอลเสียชีวิตแล้ว 12 คน บาดเจ็บ 8 คน และถูกจับกุมตัวอยู่อีก 11 คน ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรอทางการอิสราเอลยืนยันข้อมูลเพิ่มเติม เบื้องต้นมีคนไทยประสงค์จะเดินทางกลับไทยแล้ว 1,099 คน และประสงค์จะอยู่ต่ออีก 22 คน 

 


การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสของปาเลสไตน์ปะทุขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จากการเปิดฉากโจมตีของฝ่ายฮามาสด้วยการยิงจรวดข้ามแดน และส่งนักรบบุกโจมตีภาคพื้นดินเมื่อวันเสาร์ (7 ตุลาคม) ส่งผลให้อิสราเอลเปิดฉากตอบโต้ด้วยการโจมตีทางอากาศอย่างรุนแรง โดยสถานการณ์ยังคงเดินหน้าและทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ 

 

และนี่คือสรุปสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการสู้รบของทั้ง 2 ฝ่ายตลอด 2 วันที่ผ่านมา ขณะที่ผลกระทบและความสูญเสียนั้นเกิดขึ้นกับแรงงานไทยด้วยเช่นกัน 

 

ฮามาสเปิดฉากโจมตีอย่างไร

 

กลุ่มติดอาวุธฮามาสเปิดฉากการโจมตีในช่วงเช้าวันเสาร์ด้วยการยิงจรวดหลายพันลูกถล่มเป้าหมายกรุงเทลอาวีฟ และพื้นที่ชานกรุงเยรูซาเล็มที่อยู่ไกลออกไป โดยระบบป้องกันขีปนาวุธ ‘โดมเหล็ก’ หรือ ‘Iron Dome’ ของอิสราเอล ทำหน้าที่สกัดการโจมตีทันทีพร้อมกับเสียงไซเรนเตือนภัยที่ดังขึ้น

 

ราว 1 ชั่วโมงหลังการโจมตีระลอกแรก กองกำลังติดอาวุธของกลุ่มฮามาสได้ลักลอบข้ามเข้าสู่อิสราเอลทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ ก่อนจะมีการสู้รบภาคพื้นดินอย่างดุเดือดกับกองทัพอิสราเอล โดยเป็นการปะทะระหว่างอิสราเอลกับกองกำลังอาหรับบนแผ่นดินอิสราเอลครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ

 

กลุ่มติดอาวุธแทรกซึมเข้าไปในเมืองและฐานทัพของอิสราเอล 22 แห่ง และจับพลเรือนและทหารเป็นตัวประกัน ซึ่งหลายคนถูกนำตัวกลับไปที่ฉนวนกาซา 

 

โดยรายงานล่าสุดจากสื่อท้องถิ่นระบุว่า มีชาวอิสราเอลอย่างน้อย 500 คนถูกสังหาร ส่วนผู้บาดเจ็บคาดว่ามีนับพันคน

 

เหตุผลการโจมตี

 

โมฮัมเหม็ด เดอิฟ ผู้บัญชาการทหารของกลุ่มฮามาส กล่าวในข้อความที่บันทึกไว้ว่า กลุ่มฮามาสได้ตัดสินใจที่จะเปิดฉากปฏิบัติการ ‘พายุอัลอักซอ (Al-Aqsa Storm)’ เพื่อที่ศัตรูอย่างอิสราเอลจะได้เข้าใจว่า ‘เวลาแห่งการอาละวาดโดยปราศจากความรับผิดชอบของพวกเขาได้สิ้นสุดลงแล้ว’ และฮามาสจะไม่ทนต่อการกระทำอันโหดร้ายของอิสราเอลต่อชาวปาเลสไตน์ 

 

โดยเขายังกล่าวอ้างถึงการกระทำต่างๆ ของอิสราเอล ทั้งการเข้ายึดครองเขตเวสต์แบงก์ในช่วงสงครามอาหรับ-อิสราเอล ปี 1967 และกรณีไม่นานมานี้ที่ตำรวจอิสราเอลบุกจู่โจมมัสยิดอัลอักซอ ในนครเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นมัสยิดศักดิ์สิทธิ์อันดับ 3 ของศาสนาอิสลาม ตลอดจนการจับกุมตัวกองกำลังปาเลสไตน์หลายพันคนไว้ในเรือนจำของอิสราเอล 

 

อิสราเอลประกาศภาวะสงคราม

 

ผลจากการโจมตีครั้งใหญ่ของกลุ่มฮามาสทำให้ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ประกาศผ่านโทรทัศน์ว่า ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม และอิสราเอลจะชนะสงครามนี้ ก่อนที่จะประกาศระดมทหารกองหนุนและส่งหน่วยรถถังไปยังพื้นที่ตอนใต้ ซึ่งก่อให้เกิดการคาดเดาว่า อิสราเอลอาจเตรียมส่งกองกำลังภาคพื้นดินบุกเข้าไปในฉนวนกาซา 

 

ขณะที่เครื่องบินรบของอิสราเอลระดมโจมตีทางอากาศถล่มฉนวนกาซา โดยกองทัพอิสราเอลเผยว่า ได้ทำลายอาคารต่างๆ ที่เป็นที่อยู่ของกลุ่มติดอาวุธฮามาส ซึ่งเจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์ระบุว่า การโจมตีของอิสราเอลทำให้โรงพยาบาลแห่งหนึ่งถูกทำลาย รวมถึงอาคาร บ้าน และมัสยิดอีกหลายแห่ง ส่วนทางกระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์เผยว่า มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตอย่างน้อย 313 คน และบาดเจ็บกว่า 2,000 คน

 

การโจมตีทางอากาศอย่างดุเดือดของอิสราเอลเป็นไปตามคำแถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงของเนทันยาฮู โดยเขาประกาศว่าจะ ‘ล้างแค้นครั้งใหญ่’ และจะบดขยี้ที่ตั้งของกลุ่มฮามาสให้เหลือเพียงซาก ในขณะที่จะทำให้ฉนวนกาซากลายเป็น ‘เกาะร้าง’

 

“เราจะแก้แค้นอย่างยิ่งใหญ่สำหรับวันอันดำมืดนี้ เราจะแก้แค้นให้กับคนหนุ่มสาวทุกคนที่เสียชีวิต เราจะกำหนดเป้าหมายไปยังที่ตั้งของกลุ่มฮามาสทั้งหมด เราจะเปลี่ยนฉนวนกาซาให้เป็นเกาะร้าง” เขากล่าว พร้อมเตือนไปยังพลเมืองในฉนวนกาซาว่า “พวกคุณต้องออกไปตอนนี้ เราจะกำหนดเป้าหมายไปยังทุกมุมของกาซา”

 

อย่างไรก็ตาม เนทันยาฮูเผยว่า การโจมตีต่อเนื่องตั้งแต่วันเสาร์ถึงเช้าวันอาทิตย์นั้นเป็นเพียง ‘ระลอกแรก’ และชี้ว่า ได้ขับไล่กลุ่มติดอาวุธฮามาสส่วนใหญ่ออกไปจากดินแดนอิสราเอลได้แล้ว

 

ผลกระทบแรงงานไทย

 

ในส่วนของไทย ซึ่งมีแรงงานไทยทำงานอยู่ในอิสราเอลประมาณ 29,900 คน โดยเป็นแรงงานที่อาศัยอยู่บริเวณเมือง Netivot, Sderot, Ashkelon และพื้นที่ใกล้เคียง ประมาณ 5,000 คน 

 

ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศยังได้สั่งการให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประสานสำนักงานปาเลสไตน์ที่มาเลเซียเพื่อแสดงความห่วงกังวลต่อสถานการณ์ และให้ประสานในการปล่อยตัวคนไทยแล้วเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยังได้ประกาศเตรียมพร้อมแผนอพยพ 24 ชั่วโมง โดยได้สั่งการให้กองทัพอากาศเตรียมพร้อมเครื่อง Airbus A340 และ C-130 อพยพคนไทยออกจากอิสราเอลได้ทันทีที่พร้อม และได้กำชับให้ พรรณภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ รายงานตรงได้ตลอด 24 ชั่วโมง 

 

ส่วนแผนการนำเครื่องบินลงจอดที่สนามบินใดของอิสราเอลนั้น ทางกองทัพอากาศจะประสานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อลงจอดยังสนามบินที่มีความปลอดภัยและตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้วางแผนไว้

 

ภาพ: Sameh Rahmi / NurPhoto via Getty Images

อ้างอิง:

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X