สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านทวีความรุนแรงขึ้นสู่วันที่ 3 ส่งผลให้ตลาดน้ำมันโลกปั่นป่วนอย่างหนัก และจุดชนวนความกังวลว่าราคาน้ำมันอาจพุ่งทะยานสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายปี หลังอิสราเอลขยายเป้าหมายการโจมตีไปยังโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของอิหร่านโดยตรง
การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องทั่วอิหร่านในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (15 มิถุนายน) เพื่อตอบโต้ที่ขีปนาวุธบางส่วนของอิหร่านสามารถเจาะทะลุระบบป้องกันภัยทางอากาศและสร้างความเสียหายในใจกลางประเทศได้ โดยอิสราเอลขู่ว่าจะใช้มาตรการที่รุนแรงยิ่งขึ้น ขณะที่การเจรจาโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นทางออกของวิกฤต ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว
ตามรายงานของ Human Rights Activists การโจมตีของอิสราเอลส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในอิหร่านแล้วอย่างน้อย 406 ราย และบาดเจ็บอีก 654 ราย ขณะที่รัฐบาลอิหร่านยังไม่เปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการ ส่วนฝั่งอิสราเอลมีรายงานผู้เสียชีวิต 14 ราย และบาดเจ็บ 390 ราย จากการยิงขีปนาวุธของอิหร่านกว่า 270 ลูก
ความตึงเครียดพุ่งขีดสุด สหรัฐฯ เบรกแผนลอบสังหาร
ความขัดแย้งครั้งนี้สะท้อนความพร้อมในการยกระดับความรุนแรงของอิสราเอล โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยต่อสำนักข่าว Associated Press ว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้คัดค้านแผนของอิสราเอลที่จะลอบสังหาร อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ซึ่งยิ่งเพิ่มความร้อนแรงให้กับสถานการณ์
อิสราเอลยืนยันว่าปฏิบัติการครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อยับยั้งการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งกันมานานหลายทศวรรษ
แนวรบขยายสู่ภาคพลังงาน กดดันตลาดโลก
ล่าสุด อิหร่านยืนยันว่าโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่งถูกโจมตี ส่งสัญญาณว่าแนวรบได้ขยายสู่ภาคพลังงานของอิหร่านโดยตรง ซึ่งอาจกระทบต่ออุปทานพลังงานโลก แม้ว่าอิหร่านจะอยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรก็ตาม โดยอิสราเอลยังได้ทำลายโรงงานแปรรูปก๊าซธรรมชาติที่เชื่อมกับแหล่งก๊าซ South Pars ซึ่งเป็นแหล่งก๊าซที่ใหญ่ที่สุดของอิหร่าน
แม้การโจมตีจะมุ่งเน้นที่ระบบพลังงานภายในประเทศเป็นหลัก แต่เทรดเดอร์และนักวิเคราะห์น้ำมันกำลังเตรียมรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นเพิ่มเติม หลังจากที่อิหร่านยังคงเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของกลุ่ม OPEC และเคยขู่ว่าจะปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันที่สำคัญที่สุดในโลก
จับตาราคาน้ำมันพุ่ง-ซ้ำเติมเงินเฟ้อโลก
ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดทันที โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า West Texas Intermediate (WTI) พุ่งขึ้นสูงสุดถึง 14% เมื่อวันศุกร์ ก่อนจะปิดตลาดที่ประมาณ 73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
JPMorgan Chase & Co. ประเมินว่า หากความขัดแย้งลุกลามจนนำไปสู่การปิดช่องแคบฮอร์มุซจริง อาจผลักดันให้ราคาน้ำมันโลกพุ่งแตะ 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมแรงกดดันด้านเงินเฟ้อทั่วโลกให้สูงขึ้นไปอีก
ท่าทีของทั้งสองฝ่ายยังคงแข็งกร้าว โดยรัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านเสนอที่จะยุติการตอบโต้หากอิสราเอลหยุดโจมตีก่อน ขณะที่กองทัพอิสราเอลได้แจ้งเตือนให้พลเรือนอพยพออกจากพื้นที่ใกล้โรงงานผลิตอาวุธ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าการโจมตีระลอกใหม่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
ภาพ: Shutterstock AI Generator
อ้างอิง: