สำนักข่าว Reuters รายงานโดยอ้างคำกล่าวของผู้เชี่ยวชาญทางทหารว่า กองกำลังอิสราเอลได้รุกคืบปฏิบัติการจู่โจมภาคพื้นในฉนวนกาซาอย่างช้าๆ โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะอิสราเอลพยายามที่จะสร้างโอกาสให้กลุ่มฮามาสยอมเจรจาเพื่อปล่อยตัวประกันกว่า 200 คนที่อยู่ในความควบคุม
นักวิเคราะห์ระบุว่า การที่กองทัพอิสราเอลไม่นำกำลังทั้งหมดเข้าปฏิบัติการจู่โจมในพื้นที่ที่มีชุมชนอยู่กันหนาแน่นโดยตรงนั้น เป็นเพราะอิสราเอลต้องการทำให้ผู้นำของกลุ่มฮามาสอ่อนแรงลงจากกลยุทธ์การทำสงครามที่กินเวลานาน ขณะเดียวกันการไม่จู่โจมตรงๆ ก็เป็นการเปิดพื้นที่ให้กลุ่มฮามาสอาจยอมเจรจาปล่อยตัวประกัน
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลกล่าวว่า การพาตัวประกันกลับออกมาได้นั้นถือเป็นส่วนสำคัญของเป้าหมายของกองทัพ โดยจนถึงปัจจุบันกลุ่มฮามาสยอมปล่อยตัวประกันออกมาเพียง 4 คนจากทั้งหมด 239 คนที่คาดว่าถูกจับกุมอยู่ในฉนวนกาซา โดยหลายคนนั้นต้องอาศัยอยู่ภายใต้เครือข่ายอุโมงค์ลึกในพื้นที่ดังกล่าว
ทั้งนี้ ด้วยการรุกคืบปฏิบัติการจู่โจมอย่างช้าๆ กองทัพอิสราเอลหวังว่าจะสามารถรักษาปีกกองกำลังตนเองเอาไว้ได้ และสามารถหลอกล่อให้นักรบของฮามาสออกมาจากอุโมงค์หรือพื้นที่เมืองที่หนาแน่น เพื่อมาปะทะกับกองกำลังอิสราเอลในพื้นที่เปิดโล่ง ซึ่งจะทำให้ปฏิบัติการทหารนั้นง่ายขึ้น
อนึ่ง ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสได้ปะทุขึ้นรอบใหม่ หลังจากที่นักรบฮามาสบุกโจมตีอิสราเอลทั้งทางอากาศและภาคพื้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม จนเป็นเหตุให้มีชาวอิสราเอลเสียชีวิต 1,400 คน โดยส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์นองเลือดที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติ 75 ปีของอิสราเอล ขณะที่มีตัวประกันถูกจับไปด้วย 239 คน ส่งผลให้อิสราเอลเปิดฉากโต้กลับอย่างรุนแรงและกินเวลายาวนานมาจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลได้ทำลายพื้นที่ในฉนวนกาซาไปมหาศาล อีกทั้งยังคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 8,000 คน และในจำนวนดังกล่าวเป็นเด็กมากกว่า 3,000 คน อีกทั้งยังส่งกำลังเข้าปิดล้อมฉนวนกาซาและสั่งตัดขาดเสบียงอาหาร ยา และเชื้อเพลิง
แฟ้มภาพ: Evelyn Hockstein / Reuters
อ้างอิง: