เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2025 อิสราเอลได้กลับมาเปิดฉากโจมตีทางอากาศในฉนวนกาซาอีกครั้ง ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขของกาซา มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตกว่า 400 คน รวมถึงเด็กจำนวนมาก
การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากหน่วยข่าวกรองของอิสราเอลอ้างว่า ฮามาสใช้ช่วงเวลาหยุดยิงดังกล่าวเพื่อฟื้นฟูกำลังทางทหาร
นอกจากการโจมตีทางอากาศที่ยกระดับความหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว อิสราเอลยังกลับมาเปิดฉากบุกภาคพื้นดินด้วย ขณะที่ฮามาสก็เริ่มยิงโต้กลับใส่เป้าหมายในอิสราเอล ทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางกลับมาตึงเครียดอีกระลอก
เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ประกาศว่า อิสราเอลจะเพิ่มการใช้กำลังทางทหาร หากฮามาสยังคงปฏิเสธการปล่อยตัวประกันและไม่ยอมรับข้อเสนอขยายระยะเวลาหยุดยิง
โดยเวลานี้อิสราเอลระบุว่ายังมีตัวประกัน 59 รายที่อยู่ในความควบคุมของฮามาส ซึ่งจำนวนนี้เชื่อว่ามี 24 รายที่ยังมีชีวิตอยู่
ทำไมอิสราเอลถึงกลับมาโจมตีฉนวนกาซาอีกครั้ง?
กองกำลังความมั่นคงของอิสราเอลระบุว่า ฮามาสฉวยโอกาสในช่วงหยุดยิงเพื่อฟื้นฟูกำลังทางทหาร โดยมีการสะสมอาวุธและรับสมัครนักรบใหม่ใกล้กับแนวเนตซาริม (Netzarim Corridor) ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ
ออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทีมข่าวต่างประเทศของ THE STANDARD ระบุว่า ข้อมูลข่าวกรองของอิสราเอลแสดงให้เห็นว่า ฮามาสกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีด้วยขีปนาวุธต่ออิสราเอลอีกครั้ง
“สิ่งที่เราพบคือ ในช่วงเวลาหยุดยิงและหลังจากที่การหยุดยิงสิ้นสุดลง ฮามาสใช้ช่วงเวลาที่อิสราเอลไม่ได้โจมตีเพื่อฟื้นฟูกำลัง รับสมัครนักรบเพิ่ม กระจายกำลังทั่วฉนวนกาซา สะสมอาวุธและยุทโธปกรณ์เพิ่มขึ้น และกลับมาตั้งฐานปล่อยขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลอีกครั้ง ฉันคิดว่าไม่มีรัฐบาลไหนที่จะยอมอยู่เฉยและรอให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น” ออร์นา ซากิฟ กล่าว
ขณะที่ฮามาสอ้างว่าอิสราเอลเป็นฝ่ายล้มข้อตกลงหยุดยิงนี้ก่อน และฮามาสยังระบุว่า การกระทำเหล่านี้ของอิสราเอลเป็น “การละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและมนุษยธรรมอย่างชัดเจน” และกล่าวหาอิสราเอลว่ากำลังก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ส่วนเมื่อวานนี้ (20 มีนาคม) กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ได้เปิดปฏิบัติการภาคพื้นดินในฉนวนกาซา มุ่งเน้นไปที่พื้นที่ทางตอนเหนือใกล้เมืองเบตลาห์ยา และขยายเข้าสู่กาซาตอนกลาง ปฏิบัติการนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการควบคุมของอิสราเอลในพื้นที่ยุทธศาสตร์และสร้างเขตกันชนระหว่างพื้นที่ตอนเหนือและตอนใต้ของกาซา
ทั้งนี้ IDF ตั้งเป้าที่จะขยายการควบคุมแนวเนตซาริม ซึ่งเป็นเส้นแบ่งฉนวนกาซาออกเป็นสองส่วน และจัดตั้งเขตกันชนบางส่วน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ที่อิสราเอลต้องการใช้ เพื่อกดดันให้ฮามาสปล่อยตัวตัวประกันและรักษาความมั่นคงในภูมิภาค
สำหรับปฏิบัติการเมื่อวานนี้ IDF ยังได้กลับเข้าควบคุมแนวเนตซาริม ซึ่งเคยถอนตัวออกไปตามเฟสแรกของข้อตกลงหยุดยิงในเดือนมกราคมที่ผ่านมาด้วย
“สิ่งที่ฉันกำลังบอกคือ เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่า ฮามาสจะถูกกำจัด ฮามาสจะไม่สามารถปกครองกาซาได้อีกต่อไป และตัวประกันของเราจะถูกนำกลับมา ดังนั้น หากเราจำเป็นต้องโจมตีทางอากาศ เราก็จะทำ และหากต้องใช้กองกำลังภาคพื้นดิน เราก็พร้อมดำเนินการ” – เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย กล่าว
ขณะที่ ผศ. ดร.มาโนชญ์ อารีย์ อาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิเคราะห์ว่า มีอยู่ 4-5 ปัจจัยที่ว่าทำไมอิสราเอลถึงกลับมาโจมตีฮามาสอีกครั้งในฉนวนกาซา
ปัจจัยแรกคืออิสราเอลไม่ได้ต้องการที่จะทำข้อตกลงหยุดยิงตั้งแต่แรกแล้ว แต่ว่าเพราะโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กดดันก่อนที่เขาจะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี อิสราเอลจึงยอมที่จะทำข้อตกลงหยุดยิงในวันที่ 19 มกราคม หรือก็คือ 1 วันก่อนที่ทรัมป์จะเข้าสู่ตำแหน่ง ทั้งที่รายละเอียดของข้อตกลงฉบับนี้ได้ร่างกันมาเป็นปีแล้ว
ปัจจัยที่ 2 คืออิสราเอลยังไม่สามารถที่จะปราบหรือกำจัดกลุ่มฮามาสออกไปได้ ทั้งที่ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องกำจัดกลุ่มฮามาสให้หมดไปจากฉนวนกาซา แต่ถ้าข้อตกลงดำเนินไปจนถึงเฟสที่สาม ที่เป็นเฟสของการหยุดยิงถาวรและฟื้นฟูกาซา เท่ากับว่าอิสราเอลไม่ประสบความสำเร็จ
ปัจจัยที่ 3 ที่สำคัญมากคือเป้าหมายใหญ่ของอิสราเอลและเป็นเป้าหมายที่ดำเนินมาเป็นทศวรรษแล้ว คือการขับชาวกาซาออกไปจากพื้นที่ อิสราเอลปิดล้อมกาซามาตั้งแต่ปี 2007 สกัดกั้นความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่างๆ ที่จะเข้าไปในนั้น และพอมีสงครามก็ถล่มโจมตี โดยหวังให้ความรุนแรงและความสูญเสียตรงนี้เป็นเงื่อนไขนำไปสู่การอพยพของชาวกาซาออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แต่ว่าจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นอิสราเอลจึงหันมาใช้วิธีการยกระดับสงคราม
ปัจจัยที่ 4 เรื่องของคดีความของเนทันยาฮู และเสถียรภาพรัฐบาลของเขา ถ้าสงครามสิ้นสุด ข้อตกลงหยุดยิงบรรลุไปถึงเฟสที่สาม เนทันยาฮูจะหมดอนาคตทางการเมือง และเผชิญกับข้อหาคอร์รัปชันที่ยังคงค้างคาอยู่ ซึ่งเสถียรภาพรัฐบาลของเขาในปัจจุบันไม่สู้ดีอยู่แล้ว ดังนั้นแล้ว การกลับมาโจมตีฉนวนกาซาอีกครั้ง จะสามารถช่วยเบนความสนใจของคนอิสราเอลได้
ปัจจัยที่ 5 เนทันยาฮูหวังที่จะยื้อและขยายสงครามในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งจะเห็นได้ว่า สถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลางเบาบางลงไปก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซาเฟสแรกที่เริ่มดำเนินการไปแล้ว
ทั้งนี้ สถานการณ์ระหว่างอิสราเอล-ฮิซบอลเลาะห์, อิสราเอล-ฮูตี หรืออิหร่านคลายตัวลง แต่พอสถานการณ์ในกาซากลับมาตึงเครียด โดยที่อิสราเอลปิดกั้นการส่งความช่วยเหลือและอาหารต่างๆ เข้าไปในฉนวนกาซา เลยทำให้กลุ่มฮูตีกลับมาปฏิบัติการในทะเลแดงอีกครั้ง
มีโอกาสที่การเจรจาเฟสสองจะกลับมาได้หรือไม่?
ส่วนคำถามสำคัญว่าจะมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่ทุกฝ่ายจะกลับเข้าโต๊ะเจรจา ในห้วงเวลาที่ตัวกลางในการเจรจาอย่างกาตาร์และอียิปต์พยายามผลักดันกันอีกครั้ง แม้ยังไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาในเฟสที่สองก็ตาม และอีกคำถามคือสงครามนี้จะจบได้จริงหรือไม่ หรืออิสราเอลจะยังคงเดินหน้าโจมตีต่อไป
ออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ตอบว่า “ฉันเชื่อว่าในการเจรจา ไม่ว่าทั้งสองฝ่ายจะเป็นศัตรูกันเพียงใด แต่สุดท้ายควรไปถึงจุดที่ตระหนักว่า การสู้รบกันต่อไปจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ เลย ในอิสราเอล เราต้องการสันติมากกว่าใคร แต่ในภูมิภาคนี้ เราต้องสามารถปกป้องตัวเองได้เสมอ”
ด้าน ผศ. ดร.มาโนชญ์ มองว่า ไม่ว่าอย่างไรการเจรจาก็คงต้องดำเนินต่อไป แต่อาจจะมีอุปสรรคในระหว่างทาง โดยในวันนี้อิสราเอลยังคงเดินหน้าโจมตี แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงจะเจรจาควบคู่ไปด้วย
“การเจรจา ผมคิดว่าอย่างไรก็ต้องดำเนินต่อไป เพียงแต่ว่าอาจจะไม่ประสบความสำเร็จง่ายๆ ในขณะที่สหรัฐอเมริกา จริงๆ แล้วก็ต้องการให้สงครามคลายตัวลง แต่ก็ไม่สามารถจะหยุดอิสราเอลได้ เมื่อสถานการณ์ในฉนวนกาซารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สถานการณ์ในภูมิภาคก็จะรุนแรง ร้อนแรงไปเรื่อยๆ” ผศ. ดร.มาโนชญ์ กล่าว
ขณะที่การเข้ามาของทรัมป์ในยุค 2.0 นี้ แสดงออกชัดเจนว่าสนับสนุนอิสราเอลอย่างเต็มที่ โดยรายงานข่าวก่อนหน้านี้ระบุว่า ก่อนที่อิสราเอลจะโจมตีฉนวนกาซาครั้งนี้ รัฐบาลอิสราเอลได้ปรึกษากับรัฐบาลวอชิงตันแล้ว
ซึ่งเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยระบุว่า ทั้งอิสราเอลและสหรัฐฯ ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด โดยประธานาธิบดีทรัมป์ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ และย้ำหลายครั้งว่าตัวประกันทุกคนต้องได้รับการปล่อยตัว อีกทั้งยังพร้อมสนับสนุนปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลหากจำเป็นด้วย
ขณะที่ ผศ. ดร.มาโนชญ์ มองว่า แม้ทรัมป์จะสนับสนุนอิสราเอลเต็มที่ แต่ก็แบ่งรับแบ่งสู้ ถ้าจะต้องจุดสงครามในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโจมตีอิหร่าน ประกอบกับท่าทีของทรัมป์ที่ข่มขู่ไปยังอิหร่านให้หยุดการสนับสนุนกลุ่มฮูตี และทรัมป์ยังยื่นข้อเสนอให้เวลาอิหร่าน 2 เดือนเพื่อกลับมาเจรจาในข้อตกลงด้านนิวเคลียร์กันใหม่ด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ความพยายามของตัวกลางอย่างกาตาร์และอียิปต์จะยังคงดำเนินต่อไป แต่เงื่อนไขของอิสราเอลที่ต้องการให้ฮามาสปลดอาวุธอย่างสมบูรณ์ และข้อกล่าวหาของฮามาสที่มองว่าอิสราเอลล้มข้อตกลงไปแล้ว ทำให้เส้นทางสู่สันติภาพในภูมิภาคนี้ยังเต็มไปด้วยอุปสรรค ขณะที่สหรัฐฯ ยังคงสนับสนุนอิสราเอลอย่างเต็มที่และแสดงท่าทีแข็งกร้าวขึ้น ภูมิภาคตะวันออกกลางจึงยังคงตกอยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอนต่อไป
อ้างอิง:
- https://www.aljazeera.com/news/2025/3/18/why-did-israel-break-the-ceasefire-in-gaza
- https://www.reuters.com/world/middle-east/least-70-palestinians-killed-israeli-strikes-across-gaza-gaza-health-authorities-2025-03-20/
- https://www.reuters.com/world/middle-east/israeli-military-conducts-strikes-hamas-targets-gaza-army-says-2025-03-18/