กลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส (IS) เผยแพร่ประกาศผ่าน Telegram อ้างความรับผิดชอบในการก่อเหตุระเบิดโจมตีฝูงชนชาวอิหร่าน ที่ไปร่วมพิธีรำลึกครบรอบ 4 ปี การเสียชีวิตของ นายพลกอเซ็ม สุไลมานี อดีตผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม โดยเกิดระเบิด 2 ครั้งซ้อนบริเวณใกล้กับสุสานของเขาในเมืองเคอร์มาน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอิหร่าน เมื่อวันพุธ (3 มกราคม) ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 84 คน
ไอเอสยังได้เผยแพร่รูปภาพผ่านสำนักข่าว Amaq ที่แสดงให้เห็นชายสวมหน้ากาก 2 คน ซึ่งทางกลุ่มระบุว่าเป็นมือระเบิดที่รับผิดชอบการก่อเหตุ พร้อมระบุรายละเอียดว่าเป็นการระเบิดฆ่าตัวตาย โดยมือระเบิดรายแรกได้จุดชนวนเข็มขัดระเบิดท่ามกลางฝูงชน ตามด้วยมือระเบิดรายที่สอง ที่จุดชนวนในอีก 20 นาทีต่อมา
ซึ่งไอเอสระบุชื่อผู้โจมตีว่า โอมาร์ อัลมูวาห์ฮิด (Omar al-Muwahhid) และ ไซฟุลเลาะห์ อัล-มูจาฮิด (Sayfullah al-Mujahid) ซึ่งเป็นชื่อสามัญที่ยากจะชี้ว่าเป็นชาวอิหร่านหรือชาวต่างชาติ
การออกมาแสดงความรับผิดชอบของไอเอสสอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของทางกลุ่ม ซึ่งช่วงไม่กี่ปีมานี้มีการก่อเหตุโจมตีพลเรือนและกองกำลังความมั่นคงในอิหร่านหลายครั้ง
โดยไอเอสยังแสดงท่าทียินดีต่อการเสียชีวิตของนายพลสุไลมานีในปี 2020 หลังจากที่เขาถูกสังหารด้วยโดรนของกองทัพสหรัฐฯ ภายใต้คำสั่งของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามของอิหร่านนั้นถือเป็นศัตรูที่ต่อสู้กับกลุ่มไอเอสในอิรักมานานหลายปี
อิหร่านกล่าวหาอิสราเอล-สหรัฐฯ
อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ให้คำมั่นว่าจะ ‘ตอบโต้อย่างรุนแรง’ ต่อการโจมตีดังกล่าว แต่ไม่ระบุชัดเจนว่าจะตอบโต้ใครหรือกลุ่มใด
ในตอนแรกอิหร่านกล่าวว่า อิสราเอลและสหรัฐฯ ว่าอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดดังกล่าว โดย โมฮัมหมัด จัมชิดี (Mohammad Jamshidi) รองผู้อำนวยการฝ่ายการเมืองของประธานาธิบดีอิบราฮิม ไรซี (Ebrahim Raisi) กล่าวหาทั้งสองประเทศที่เป็นศัตรูกับอิหร่านว่ารับผิดชอบต่อเหตุระเบิด ก่อนที่สหรัฐฯ จะออกมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่พบข้อบ่งชี้ว่าอิสราเอลจะมีส่วนเกี่ยวข้องเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลาง วิเคราะห์ว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นไม่ใช่แนวทางของอิสราเอลที่ปฏิบัติการในอิหร่าน โดยการโจมตีที่คาดว่าเป็นฝีมือของสายลับมอสซาด (Mossad) หน่วยข่าวกรองอิสราเอล มักจะเป็นการพุ่งเป้าลอบสังหารนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์หรือบุคคลสำคัญทางทหารที่มีชื่อเสียงของอิหร่าน
ขณะที่ไม่มีประโยชน์ต่ออิสราเอล ในการทำลายสายลับในอิหร่าน ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินด้านข่าวกรองอันล้ำค่า ด้วยการก่อเหตุระเบิดโจมตีพลเรือน
ทั้งนี้ ไม่แน่ชัดว่าการออกมาแสดงความรับผิดชอบของกลุ่มไอเอสจะเปลี่ยนท่าทีของอิหร่านในการกล่าวหาสหรัฐฯ และอิสราเอลหรือไม่ แต่ค่อนข้างแน่ชัดว่าทางการอิหร่านจะไม่มีการขอโทษต่อทั้งสองประเทศ
ภาพ: WANA (West Asia News Agency) via REUTERS
อ้างอิง:
