กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ของอิหร่าน ผู้อยู่เบื้องหลังการยิงอาวุธนำวิถีโจมตีฐานทัพอิรักที่มีทหารสหรัฐฯ ประจำการ ประกาศเตือนว่าจะทำการโจมตีนครดูไบของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และนครไฮฟาของอิสราเอล ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง หากสหรัฐฯ ตอบโต้ด้วยการทิ้งระเบิดลงในดินแดนของอิหร่าน
สถานีโทรทัศน์ทางการของอิหร่านระบุว่า การโจมตีครั้งนี้เป็นการตอบโต้หลังจากที่ พลตรี กัสเซม โซเลมานี นายพลและผู้บัญชาการระดับสูงของ IRGC ถูกสังหารด้วยโดรนของสหรัฐฯ ในอิรักเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยโฆษกศูนย์บัญชาการกลางของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า อิหร่านยิงอาวุธนำวิถีทั้งหมด 15 ลูก โดย 10 ลูกโจมตีถูกเป้าหมายฐานทัพอากาศสหรัฐฯในเมืองอัล อัสซาด ทางตะวันตกของกรุงแบกแดด และอีก 1 ลูกโจมตีฐานทัพอากาศสหรัฐฯในเมืองเออร์บิล ทางตอนเหนือของอิรัก ส่วนอีก 4 ลูกพลาดเป้า
Los Angeles Times รายงานข้อมูลว่า กองทัพสหรัฐฯ สามารถตรวจสอบพบการยิงขีปนาวุธดังกล่าวด้วยเรดาร์ได้ทัน ทำให้กองกำลังทหารในฐานทัพอากาศทั้ง 2 แห่งมีเวลาในการหาที่กำบัง ขณะที่ทำเนียบขาวยืนยันว่าไม่มีชาวอเมริกันบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้ แต่มีรายงานจากแหล่งข่าวที่ไม่ยืนยันว่าอาจมีชาวอิรักหลายคนเสียชีวิต
สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ ประกาศมาตรการป้องกันทันทีหลังเกิดเหตุโจมตีดังกล่าว โดยห้ามอากาศยานที่ไม่ใช่ของกองทัพสหรัฐฯ ทำการบินเหนือน่านฟ้าในอิรัก อิหร่าน และน่านน้ำในอ่าวเปอร์เซียและอ่าวโอมาน และล่าสุดมีบางสายการบิน อาทิ สายการบิน Singapore Airlines ที่เปลี่ยนเส้นทางการบินเลี่ยงน่านฟ้าอิหร่านแล้ว
ทางด้าน ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และ มาร์ก เอสเปอร์ รัฐมนตรีกลาโหม ได้ประชุมฉุกเฉินกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์นานกว่า 1 ชั่วโมง แต่ยังไม่มีการเปิดเผยแน่ชัดว่ามีการตัดสินใจใดๆ ในระหว่างประชุมหรือไม่ โดยประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตข้อความทางทวิตเตอร์หลังประชุม ยืนยันว่าทุกอย่างยังเป็นไปด้วยดี และจะออกแถลงการณ์เรื่องนี้ในเช้าวันพุธ (8 มกราคม) ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ
“ทั้งหมดเป็นไปด้วยดี ขีปนาวุธยิงจากอิหร่านไปยังฐานทัพ 2 แห่งในอิรัก ตอนนี้กำลังประเมินความสูญเสียและความเสียหายที่เกิดขึ้น ทุกอย่างยังเป็นไปด้วยดี เรามียุทโธปกรณ์ทางทหารที่ทรงพลังและดีที่สุดในโลก เหนือกว่ามาก ผมจะแถลงในเช้าวันพรุ่งนี้ (8 มกราคม)” ทรัมป์ระบุในทวีตข้อความ
ด้าน อิลัน โกลเดนเบิร์ก อดีตเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลนโยบายอิหร่าน ในยุครัฐบาลประธานาธิบดีบารัก โอบามา เรียกร้องให้ประธานาธิบดีทรัมป์ใช้ความยับยั้งชั่งใจและไม่ต้องตอบโต้ใดๆ ต่อการโจมตีของอิหร่าน ส่วน จอห์น เคอร์รี อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศกล่าวว่า การเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านนั้นถือเป็นโศกนาฏกรรมของโลก ขณะที่ ลินด์ซีย์ เกรแฮม วุฒิสมาชิกของรีพับลิกันกล่าวว่า การกระทำของอิหร่านเป็นการก่อสงคราม
อย่างไรก็ตาม โมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ทวีตข้อความว่า การโจมตีด้วยขีปนาวุธที่เกิดขึ้นเป็นมาตรการป้องกันตนเองที่เหมาะสม และชี้ว่าฐานทัพอากาศที่ถูกโจมตีทั้ง 2 แห่งเป็นจุดที่ถูกใช้ในการโจมตีพลเรือนและเจ้าหน้าที่อาวุโสของอิหร่าน ซึ่งคาดว่าหมายความถึงพลตรี โซเลมานี และยืนยันว่าอิหร่านเพียงป้องกันตนเองและไม่ต้องการขยายความขัดแย้งหรือทำสงคราม
“อิหร่านได้ดำเนินการและสรุปมาตรการป้องกันตนเองอย่างเหมาะสม ภายใต้มาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ ในการกำหนดเป้าหมาย โดยยึดจากจุดที่ถูกใช้เพื่อการโจมตีอย่างขี้ขลาดต่อประชากรและเจ้าหน้าที่อาวุโสของเรา เราไม่ต้องการขยายความขัดแย้งหรือก่อสงคราม แต่จะปกป้องตัวเองจากการรุกรานใดๆ ก็ตาม” ซารีฟ กล่าว
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
