หน่วยงานกำกับของฮ่องกงเข้าตรวจสอบ AMTD Group Co. บริษัทด้านการเงินสัญชาติฮ่องกงซึ่งราคาหุ้นเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 32,000% จากราคา IPO ก่อนที่ราคาจะร่วงลงมาถึง 90% จากจุดพีคช่วงต้นเดือนสิงหาคม แต่ราคาปัจจุบันก็ยังเพิ่มขึ้นถึง 2,000% จากราคา IPO
AMTD Group รายงานรายได้สำหรับปีซึ่งสิ้นสุดเดือนเมษายน 2021 ออกมาเพียง 25 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ของบริษัทเพิ่มขึ้นถึง 4 แสนล้านดอลลาร์ จนถึงช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นมูลค่าที่สูงกว่าบริษัทอย่าง Goldman Sachs Group, Inc. และ JPMorgan Chase & Co. อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นกลับมาร่วงลงถึง 90%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- UBS เลิกจ้างนายแบงก์ในฮ่องกง เซ่นวิกฤตอสังหาจีน กดรายได้ฝั่งวาณิชธนกิจหายไป 57% ในไตรมาส 2
- ราคาบ้าน ในฮ่องกงส่อร่วงลงอีก 10% หลังสองแบงก์ใหญ่ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้สู่ระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี
- เกิดอะไรขึ้นกับ ‘ฮ่องกง’ ทำไมสถานะ ‘ศูนย์กลางทางการเงินของเอเชีย’ กำลังถูกสั่นคลอน
ด้านคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของฮ่องกง (SFC) ได้เข้าตรวจค้นออฟฟิศของ AMTD Group รวมทั้งบ้านพักของ Calvin Choi ผู้บริหารของ AMTD Group เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2021
ที่มาของการตรวจสอบของหน่วยงานกำกับในกรณีนี้เกี่ยวข้องกับ Choi โดยตรง ซึ่งเคยถูก SFC แบนจากการมีส่วนร่วมในตลาดหุ้นเป็นเวลา 2 ปี เนื่องจากความขัดแย้งทางผลประโยชน์จากการที่เขาเคยเป็นคนทำดีลขณะที่ทำงานอยู่กับ UBS โดยขณะนี้ Choi อยู่ระหว่างการยื่นอุทธรณ์ต่อคำสั่งดังกล่าว
ขณะที่บริษัทอย่าง China Minsheng Investment Group (CMIG) ซึ่งเคยเข้าลงทุนใน AMTD Group เมื่อปี 2015 เคยออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะถึงขั้นติดโปสเตอร์เป็นรูปใบหน้าของ Choi บนถนนในฮ่องกงว่า Choi เคยฉ้อโกง
ขณะที่ Choi เคยให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Tai Kung Pao ว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง และเขาไม่เคยมีอำนาจหน้าที่ใดๆ ในกองทุน CMIG
ทั้งนี้ ราคาหุ้นของ AMTD Group พุ่งขึ้นไปแตะระดับ 2,555.30 ดอลลาร์ จากราคา IPO 7.80 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 32,660% ก่อนจะร่วงลงมา 186.93 ดอลลาร์ ซึ่งยังเพิ่มขึ้นถึง 2,825% จากราคา IPO
AMTD Group ถือเป็นหนึ่งใน 7 บริษัทด้านการเงินของฮ่องกงหรือจีนที่ราคาพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง หลังจากที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในปีนี้ จนทำให้ Gary Gensler ประธานของสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ ออกมาเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในหุ้นของบริษัทจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ได้เปิดเผยว่าหน่วยงานกำกับกำลังติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ SFC ยังได้ตรวจสอบเกี่ยวกับหุ้น IPO ของบริษัท IntelliCentrics Global Holdings และ China Bright Culture Group
อ้างอิง:
