มีรายงานจาก Wall Street Journal และ Reuters ที่สร้างความเคลื่อนไหวในแวดวงเทคโนโลยี เมื่อระบุว่า Apple กำลังพิจารณา ‘ปรับขึ้นราคา’ สำหรับ iPhone รุ่นใหม่ที่มีกำหนดเปิดตัวช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้
โดยเหตุผลที่ Apple ต้องการสื่อสารกับสาธารณะจะผูกโยงกับฟีเจอร์ใหม่และการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ของตัวเครื่อง มากกว่าที่จะเชื่อมโยงโดยตรงกับ ‘ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์’ หรือ ‘สงครามการค้า’ ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่ยังคงดำเนินอยู่
ราคาปัจจุบันของ iPhone อยู่ที่ 799-1,199 ดอลลาร์ แต่บรรดานักวิเคราะห์เชื่อว่ารุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Pro Max อาจพุ่งสูงถึง 1,900 ดอลลาร์ หากราคาสะท้อนถึงการอัปเกรดและต้นทุนภาษี
เบื้องหลังการพิจารณาเรื่องราคานี้คือ สถานการณ์ที่ Apple กำลังเผชิญกับ ‘ต้นทุนที่สูงขึ้น’ อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นผลมาจากภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ ยังคงเรียกเก็บจากสินค้าที่ผลิตในจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาร์ทโฟนที่ยังคงมีอัตราภาษีอยู่ แม้จะมีการระงับหรือลดหย่อนภาษีในบางส่วนไปก่อนหน้านี้ก็ตาม
รายงานระบุว่า Apple เผชิญความท้าทายในการแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้ผ่านการเจรจาประหยัดจากซัพพลายเออร์เพียงอย่างเดียว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ ‘อัตรากำไร’ ของบริษัทได้ หากไม่มีการปรับราคาขาย
แหล่งข่าวระบุว่า Apple คาดการณ์ว่าภาษีเหล่านี้จะเพิ่มต้นทุนราว 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3 หมื่นล้านบาทในช่วงไตรมาสเดือนเมษายน-มิถุนายน
ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Jefferies คาดการณ์ว่า Apple ขาย iPhone รุ่น Pro ซึ่งเป็นรุ่นที่มีอัตรากำไรสูง แต่ก็ได้รับผลกระทบจากภาษีมากที่สุด ได้กว่า 36-39 ล้านเครื่องในสหรัฐฯ เมื่อปีที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า การขึ้นราคาอาจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ก็เตือนว่าอาจทำให้ Apple เสียส่วนแบ่งตลาดให้กับคู่แข่งอย่าง Samsung ที่มีจุดเด่นด้านอื่นๆ เช่น คุณสมบัติด้าน AI
เพื่อลดความเสี่ยงจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และผลกระทบด้านภาษี Apple กำลังเร่งย้ายฐานผลิตออกจากจีนอย่างจริงจัง โดยมุ่งเป้าไปที่อินเดีย
รายงานระบุว่า Apple มีเป้าหมายที่จะผลิต iPhone ส่วนใหญ่เพื่อจำหน่ายในตลาดสหรัฐฯ จากฐานผลิตในอินเดียให้ได้ภายในสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดทางเทคนิคในปัจจุบันยังทำให้จีนยังคงเป็นศูนย์กลางหลักสำหรับการผลิต iPhone รุ่นที่มีความซับซ้อนสูงและยังคงเป็นแหล่งชิ้นส่วนสำคัญ
นักวิเคราะห์จาก TechInsight อย่าง อาภิลาช กุมาร คาดการณ์ว่า ภายในปี 2026 หรือต้นปี 2027 อินเดียอาจมีศักยภาพเพียงพอที่จะผลิต iPhone เพื่อรองรับทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดสหรัฐฯได้ทั้งหมด แม้ว่าจีนจะยังคงเป็นแหล่งชิ้นส่วนสำคัญอยู่ก็ตาม
กลยุทธ์ ‘ย้ายฐานผลิต’ และ ‘ลงทุนในอินเดีย’ ที่ลึกซึ้งขึ้นนี้ ถือเป็นหนึ่งใน ‘ความท้าทาย’ ระยะยาวที่ Apple ต้องจัดการ เพื่อบริหารจัดการผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองโลก
ทั้งนี้ Apple ยังไม่ได้ออกมายืนยันข้อมูลเรื่องการปรับราคาหรือรายละเอียดผลิตภัณฑ์ใหม่ใดๆ อย่างเป็นทางการ ก่อนการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ที่คาดว่าจะมีขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงนี้
อ้างอิง: