ที่ปรึกษาการลงทุน และสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ร่วมกับสภาทนายความฯ เชิญชวนผู้เสียหายกรณีหุ้น STARK ร่วมลงชื่อผ่านลิงก์ ภายในวันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายน จนถึงเวลาเที่ยงคืน ก่อนจะรวบรวมรายชื่อผู้เสียหายรายย่อยยื่นดำเนินคดีแบบกลุ่ม เผยเคสตัวอย่างในต่างประเทศเคยเกิดความเสียหายกรณีคล้ายกันและคดีสิ้นสุดด้วยการดำเนินอาญาและจ่ายค่าชดเชยให้ผู้เกี่ยวข้อง ส่วนจำนวนผู้เสียหายที่มาลงชื่อล่าสุดอยู่ที่ 1,352 คน วงเงินเสียหาย 2,500 ล้านบาท
ดร.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด แถลงความคืบหน้าในการรวมตัวของผู้ลงทุนรายย่อยหุ้นจากการลงทุนในหุ้น บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) STARK ว่า อยากขอเชิญชวนผู้เสียหายร่วมใจลงชื่อเพื่อร่วมกันจนถึงวันพรุ่งนี้ (25 มิถุนายน) ได้ถึงเวลา 00.00 น. โดยหลังรวบรวมรายชื่อเหยื่อผู้เสียหายแล้ว สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยจะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดให้กับทนายความดำเนินคดีฟ้องร้องแบบคดีกลุ่ม โดยมีตัวแทนเหยื่อผู้เสียหายเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีกลุ่ม แทนผู้เข้าชื่อร้องเรียนทั้งหมด ทั้งอาญาและแพ่งต่อผู้กระทำผิด ทั้งนี้ เชื่อว่าจะมีโอกาสเรียกร้องให้ผู้กระทำผิดชดใช้ค่าเสียหายชดเชยต่อผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ตกเป็นเหยื่อ เพราะเคยมีกรณีตัวอย่างที่คล้ายกันนี้ในต่างประเทศหลายกรณีที่สิ้นสุดคดีลงด้วยการดำเนินคดีอาญา และจ่ายค่าปรับชดใช้ความเสียหายแก่เหยื่อจะดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้อง โดยขณะนี้มีผู้เข้าร่วมลงชื่อแล้วจำนวน 1,352 คน วงเงินความเสียหายรวมกัน 2,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ มีผู้ถือหุ้นรายย่อยในบริษัท STARK ราว 11,000 คน เท่ากับว่าเวลานี้มีผู้ประสงค์จะดำเนินคดีไม่น้อยกว่า 10% ของเหยื่อทั้งหมด โดยยังเปิดโอกาสให้เหยื่อเข้าชื่อกรอกแบบฟอร์มผ่านลิงก์
ได้ถึงเวลา 00.00 น. วันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายนนี้ ผ่านสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ก่อนจะดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อไป
ส่วนแนวทางการช่วยเหลือเหยื่อนั้นทางสมาคมฯ ร่วมมือกับสภาทนายความฯ และกลุ่มทนายความผู้มีประสบการณ์ดำเนินคดีแบบกลุ่ม และเชี่ยวชาญคดีธุรกิจ ได้รวมตัวกันเพื่อทวงความยุติธรรมให้แก่นักลงทุน และเอาตัวคนผิดมาลงโทษ รวมทั้งเพื่อกระตุ้นให้องค์กรที่กำกับดูแลและตลาดหลักทรัพย์ฯ หาแนวทางป้องกันและกำหนดมาตรการดูแลบริษัทในตลาดหุ้นให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้
ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวว่าหุ้น STARK เคยมีมูลค่าสูงสุดตามราคาตลาด ตอนราคา 5.50 บาท อยู่ที่ 73,733 ล้านบาท ล่าสุดถึงวันนี้ (24 มิถุนายน) ราคาหุ้นลงมาต่ำสุดที่ 0.02 บาท หรือเหลือเพียง 268 ล้านบาท เท่ากับเงินละลายไปกับหุ้นตัวนี้มากถึง 73,600 ล้านบาท
โดยผู้ลงทุนหุ้นสามัญกับหุ้นตัวนี้เป็นผู้แบกรับความเสียหาย แทบจะกลายเป็นศูนย์ เมื่อเทียบกับเจ้าหนี้มีหลักประกัน เจ้าหนี้การค้า เจ้าหนี้หุ้นกู้ที่ยังอาจพอมีหวังได้รับเฉลี่ยหนี้คืนบ้าง แต่กับนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ก็มีคำเตือนกันไว้แล้วว่า ‘การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง’ แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องเป็นความเสี่ยงจากความผิดพลาดในการลงทุนตามปกติธุรกิจ
แต่กรณี STARK เกิดจากการกระทำอันไม่สุจริตของผู้เกี่ยวข้อง ทางผู้ถือหุ้นรายย่อยจึงรวมตัวกันเพื่อรวบรวมหลักฐานในการดำเนินคดีแบบกลุ่ม เพื่อดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีแบบฟ้องหมู่ หรือ Class Action
โดยนักลงทุนรายย่อยที่ตกเป็นเหยื่อ ได้รับความเสียหายจากมูลค่าหุ้น 73,733 ล้านบาท จนแทบจะกลายเป็นศูนย์ในตอนนี้ ได้รับการประสานงานสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ให้กรอกแบบฟอร์มข้อมูลหลักฐานเพื่อดำเนินคดีแบบกลุ่ม โดยขอให้กรอกตามลิงก์ สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ทั้งนี้ ภายในเวลา 00.00 น. ของวันที่ 25 มิถุนายนนี้เท่านั้น