วานนี้ (12 กรกฎาคม) การไต่สวนของคณะกรรมการเฉพาะกิจของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เผย ทวีตหนึ่งของ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นชนวนเหตุปลุกระดมให้กลุ่มหัวรุนแรงขวาจัดมารวมตัวกันที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. จนนำไปสู่เหตุการณ์จลาจลที่อาคารรัฐสภาเมื่อปีที่แล้ว
คณะกรรมการเฉพาะกิจดำเนินการสอบสวนเหตุโจมตีอาคารรัฐสภามาเกือบหนึ่งปีแล้ว โดยการไต่สวนเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่ 7 นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน มุ่งประเด็นไปยังทวีตหนึ่งที่ทรัมป์โพสต์ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 19 ธันวาคม 2020 และการประชุมอันดุเดือดเป็นเวลา 6 ชั่วโมงที่ทำเนียบขาวก่อนหน้าโพสต์ดังกล่าว
เจมี ราสกิน ส.ส. แมริแลนด์จากพรรคเดโมแครต ซึ่งอยู่ในคณะกรรมการเฉพาะกิจ กล่าวว่า การประชุมถูกอธิบายว่า ‘บ้าคลั่ง’ และ ‘ไม่ปกติ’ ขณะที่คณะกรรมการกล่าวหาทรัมป์ว่าพยายามทำรัฐประหารเพื่อรักษาอำนาจ
ทรัมป์ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในเวลานั้น เดินหน้าเรียกร้องกลุ่มผู้สนับสนุนให้ออกมาชุมนุม แม้ว่าผู้ช่วยหลายคนบอกทรัมป์แล้วว่าเขาแพ้การเลือกตั้งปี 2020 ให้กับ โจ ไบเดน อยู่พอสมควร นอกจากนี้ บรรดาผู้ช่วยและเจ้าหน้าที่ในทีมหาเสียงของทรัมป์ที่ทำเนียบขาวเตือนทรัมป์ว่า เขาควรยอมรับความพ่ายแพ้ต่อไบเดน
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ทรัมป์ได้ต้อนรับที่ปรึกษาไม่เป็นทางการบางคนที่ทำเนียบขาว ซึ่งคนกลุ่มนี้กระตุ้นให้ทรัมป์เดินหน้าต่อในเรื่องข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลเกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้ง
กลุ่มที่ปรึกษาดังกล่าว ซึ่งรวมถึง รูดี จูเลียนี ทนายความส่วนตัว และ ไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ แนะนำทรัมป์ให้สั่งทหารยึดเครื่องลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี การประชุมถูกขัดขวางโดยผู้ช่วย ซึ่งรวมถึง แพท ชิโปลโลเน ที่ปรึกษาของทำเนียบขาวในเวลานั้น
“ผมไม่คิดว่าคนเหล่านี้ให้คำแนะนำที่ดีแก่ประธานาธิบดี” ชิโปลโลเนกล่าวในบันทึกคำให้การต่อคณะกรรมการเฉพาะกิจ
เขาและผู้ช่วยคนอื่นๆ บอกกับคณะกรรมการ สิ่งที่ตามมาคือการโต้เถียงกันหลายชั่วโมง ซึ่งชิโปลโลเนกล่าวว่า ในช่วงเวลานั้นเขาถูกโจมตีด้วยวาจา แต่เขาก็โต้กลับ โดยถามคนกลุ่มนี้ว่า ‘หลักฐานอยู่ที่ไหน’ แต่พวกเขาไม่มีหลักฐานใดมาแสดง
การประชุมสิ้นสุดลงหลัง 24.00 น. โดยที่ข้อเสนอยึดกล่องลงคะแนนเสียงถูกปฏิเสธ จากนั้นในเวลา 01.42 น. ตามเวลาท้องถิ่น ทรัมป์ทวีตบอกกับผู้สนับสนุนว่า “เป็นไปไม่ได้ทางสถิติที่จะแพ้การเลือกตั้ง 2020 เจอกันในการประท้วงครั้งใหญ่ที่ดี.ซี. วันที่ 6 มกราคม และมันจะบ้าคลั่ง”
ราสกินระบุว่า โพสต์ดังกล่าวเป็นการ ‘กระตุ้นและชักนำผู้สนับสนุน’ ซึ่งเชื่อคำกล่าวอ้างของทรัมป์ที่ว่าเขาถูกปล้นชัยชนะในการเลือกตั้ง
คณะกรรมการเฉพาะกิจกล่าวว่า ทวีตดังกล่าวเป็นเสียงไซเรนที่เรียกร้องให้กลุ่มหัวรุนแรง เช่น Oath Keepers และ Proud Boys ออกมาร่วมชุมนุม จนกระทั่งกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ก่อเหตุบุกโจมตีรัฐสภา เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 ขณะที่สมาชิกสภานิติบัญญัติกำลังประชุมกันเพื่อรับรองชัยชนะของไบเดน
สมาชิกคณะกรรมการกำลังพยายามเชื่อมโยงระหว่างโพสต์โซเชียลมีเดียกับความรุนแรงในวันที่ 6 มกราคม โดยพนักงาน Twitter ผู้ไม่ประสงค์ออกนามคนหนึ่งบอกกับคณะกรรมการว่า พวกเขาเห็นข้อความทางออนไลน์มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นหลังการทวีต
การไต่สวนเมื่อวันอังคารยังมีการพูดถึงข้อกล่าวหาที่ว่า ทรัมป์พยายามติดต่อบางคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการไต่สวนนี้ ซึ่งอาจเป็นการยุ่งเหยิงพยาน
ลิซ เชนีย์ ส.ส. ไวโอมิง ซึ่งเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน หนึ่งในสองคนที่อยู่ในคณะกรรมการเฉพาะกิจ ระบุว่า เธอได้แจ้งกระทรวงยุติธรรมแล้ว และอธิบายว่า บุคคลที่ทรัมป์พยายามติดต่อไม่รับสายเขาแต่แจ้งทนายความแทน
ทรัมป์ซึ่งส่งสัญญาณว่าเขาอาจลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกครั้งในปี 2024 กล่าวถึงการไต่สวนเหตุจลาจลว่าเป็นความพยายามที่จะหันเหความสนใจของชาวอเมริกันจาก ‘หายนะ’ ของการปกครองของพรรคเดโมแครตท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรง
ผลสำรวจความคิดเห็นของ New York Times ในสัปดาห์นี้ พบว่าคะแนนนิยมไบเดนอยู่ที่เพียง 33% ซึ่งต่ำกว่าคะแนนนิยมของทรัมป์ภายหลังเกิดเหตุจลาจลรัฐสภา ตามการสำรวจของ Gallup
ภาพ: Justin Sullivan / Getty Images
อ้างอิง: