“นาฏกรรมแห่งเลือดเนื้อและน้ำตา มหรสพแห่งกิเลสและกลลวง”
นับว่าเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ไทยที่น่าจับตามอง สำหรับ แมนสรวง ภาพยนตร์พีเรียดเรื่องแรกจาก Be On Cloud ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของซีรีส์วายระดับปรากฏการณ์อย่าง KinnPorsche The Series (2565) โดยได้ 4 นักแสดงมากฝีมือ มาย-ภาคภูมิ ร่มไทรทอง, อาโป-ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์, บาส-อัศวภัทร์ ผลพิบูลย์ และ ต๋อง-ธนายุทธ ฐากูรอรรถยา มารับหน้าที่พาผู้ชมก้าวเข้าสู่สถานเริงรมย์ที่แอบซ่อนความลึกลับไว้มากมาย
ภาพยนตร์จะพาผู้ชมย้อนเวลากลับไปในปี 2393 หรือช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่การค้ากับชาวจีนและชาวต่างชาติกำลังเติบโต โดยบอกเล่าผ่านสายตาของ เขม (อาโป-ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์) นายรำหนุ่มมากความสามารถ และเพื่อนสนิท ว่าน (บาส-อัศวภัทร์ ผลพิบูลย์) ที่ได้รับมอบหมายให้แฝงตัวเข้าไปทำงานใน ‘แมนสรวง’ สถานเริงรมย์ชื่อดังที่เปรียบเสมือนเป็นสรวงสวรรค์แห่งพระนคร เพื่อตามหาเอกสารลับบางอย่าง และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งคู่ค้นพบความลับดำมืดที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง และภัยอันตรายที่พวกเขาไม่อาจคาดเดา
และก่อนที่ผู้ชมจะได้ไปร่วมไขปริศนาอันดำมืดในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ THE STANDARD POP ถือโอกาสชวนผู้ชมมาร่วมทำความรู้จักตัวละครสำคัญ และเบื้องหลังการทำงานของ 4 นักแสดงนำไปพร้อมกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง:
เขม-ว่าน สองไพร่ที่ต้องก้าวเท้าเข้าสู่แมนสรวง พร้อมกับเป้าหมายที่ถูกแอบซ่อน
แมนสรวง เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่เนืองแน่นไปด้วยตัวละครมากหน้าหลายตา ที่ต่างก็แอบซ่อนปมปัญหาไว้ให้ผู้ชมได้เข้าไปสำรวจ เริ่มกันที่ตัวละครหลักของเรื่องอย่าง เขม ไพร่ลูกกำพร้าผู้หลงใหลในการแสดงละครใน ซึ่งเป็นศิลปะของชนชั้นสูง เขาจึงมุ่งหวังว่าจะใช้ความสามารถของตัวเองเพื่อผลักดันให้ตัวเองได้หลีกหนีจากฐานะไพร่ และมีชีวิตที่ดีขึ้นจากที่เป็นอยู่
ในท้ายที่สุดโอกาสของเขมก็มาถึง เมื่อเขาได้รับมอบหมายจากขุนนางผู้ใหญ่นาม พระยาบดีศร (ตั้ว-ประดิษฐ ประสาททอง) ให้แฝงตัวเข้าไปที่แมนสรวงเพื่อหาเอกสารลับ ก่อนที่เขาจะได้รับเลือกให้เป็นตัวพระและทำการแสดงในสถานเริงรมย์แห่งนี้ไปพร้อมกับการตามหาเอกสารลับให้เจอ
อาโป-ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ เล่าถึงการเตรียมตัวเพื่อรับบทเป็น เขม ว่า “ข้อแรกคือฝึกรำ ข้อสองคือลดน้ำหนัก ข้อสามคือพยายามอ่านเกี่ยวกับยุคปลายรัชกาลที่ 3 ให้มากที่สุด ศึกษาว่ายุคนั้นสภาพแวดล้อมของสังคมเป็นอย่างไร ในแต่ละวันเขาใช้ชีวิตอย่างไรบ้าง แล้วเราก็ลองจินตนาการต่อไปว่าถ้าเกิดมีชีวิตแบบนี้ จะใช้ชีวิตแบบไหน นี่คือสิ่งที่ต้องเตรียมตัว
“นอกจากนั้นก็คือเตรียมสภาพจิตใจให้พร้อม ฝึกสมาธิ ซึ่งเรื่องที่ยากที่สุดก็จะเป็นในแง่ของบท เพราะการถ่ายทำเราต้องเล่นให้เหมือนกับที่เขาเขียนมาในบท บทเขียนมาอย่างไรเราต้องทำแบบนั้นให้ได้ แล้วเราก็หาความต้องการของตัวละครว่าต้องไปถึงตามที่บทต้องการอย่างไรบ้าง แล้วบวกกับภาษาที่พูดยาก คือมันอิมโพรไวส์ได้ยากมาก แล้วเราไม่คล่องกับภาษาด้วย เราเลยต้องจำบทให้แม่นมากๆ มันเหมือนทุกฝ่ายต้องทำการบ้านของตัวเองมาให้พร้อม คือแคร์ตัวเองหนักมาก ยากๆ”
อีกหนึ่งตัวละครสำคัญที่ต้องลงเรือลำเดียวกับเขมนั่นคือ ว่าน ไพร่ลูกกำพร้าผู้ซื่อตรง จิตใจดี เขาชื่นชมในความสามารถของเขม เชื่อใจเพื่อนของเขาเสมือนเป็นครอบครัวคนสำคัญ และด้วยเหตุการณ์บางอย่างจึงทำให้เขาและเขมต้องเข้าไปตามหาเอกสารลับร่วมกัน จนนำมาสู่จุดเริ่มต้นของการเปิดเผยบาดแผลในอดีตที่ตนเองแอบซ่อนไว้มาตลอด
ด้าน บาส-อัศวภัทร์ ผลพิบูลย์ ผู้รับบท ว่าน เล่าถึงความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า “เสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้คือมันมี Conflict หลายอย่างมาก ถ้าพูดถึงมากที่สุดก็ให้ไปดูการรำของพี่โป เพราะว่าพี่โปฝึกหนักมาก ส่วนถามว่าคาดหวังไหม ก็ต้องคาดหวังอยู่แล้ว เพราะต้องยอมรับว่าบทมันดีมากๆ มันมี Conflict หลายอย่างที่มันจะค่อยๆ ปลดไปทีละนิดๆ และก็ทำให้คนดูลุ้นตาม อยากให้คนดูดูแล้วรู้สึกอินและรักภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ อยากให้ภาพยนตร์เรื่อง แมนสรวง เป็น Soft Power ได้ผลักดันภาพยนตร์เรื่องนี้ออกไปให้ชาวต่างชาติได้ดู มีแขก มีจีน มีฝรั่งในแมนสรวง ก็อยากให้เป็น Soft Power ให้คนต่างชาติได้เห็นจุดนี้”
ฉัตร มือตะโพนหนุ่มรูปงาม และ ฮ้ง ผู้สืบทอดแห่งแมนสรวง
ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานเริงรมย์ที่มีฉากหน้าเป็นเสมือนสรวงสวรรค์ แต่เบื้องหลังกลับแอบซ่อนความลึกลับบางอย่างไว้ แน่นอนว่าผู้คนที่ทำงานอยู่ในแมนสรวงย่อมมาพร้อมกับเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน
หนึ่งในนั้นคือ ฉัตร ไพร่ผู้ทำหน้าที่ในฐานะมือตะโพนแห่งแมนสรวง เขาคือชายหนุ่มรูปงามที่มีความเฉลียวฉลาด ลึกลับ ไม่ชอบสุงสิงกับใคร แต่เมื่อได้ลองทำความรู้จักแล้วเขาคือคนที่เป็นมิตร
กระทั่งวันหนึ่งโชคชะตาก็พาให้ฉัตรต้องเข้ามาพัวพันกับภารกิจตามหาเอกสารลับของเขมและว่าน แถมเขายังพบว่าภารกิจนี้มีจุดเชื่อมโยงไปถึงเป้าหมายสำคัญที่ตนเองตั้งไว้ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในแมนสรวง เขาจึงเลือกที่จะช่วยเหลือทั้งคู่เพื่อทำเป้าหมายให้สำเร็จ
มาย-ภาคภูมิ ร่มไทรทอง ผู้รับบท ฉัตร เล่าถึงความท้าทายในการรับบทนี้ว่า “สิ่งที่ยากที่สุดจะเป็นตอนแรกๆ คือเวลาที่เรา Jump In เข้าไปในตัวละคร ทุกงานสำหรับผมจะมีความท้าทายและความยากในการจูนช่วงแรก เนื่องจากเลเยอร์ของฉัตรมีหลายเลเยอร์
“ดังนั้นการแสดงออกต้องไม่แจ่มแจ้ง ต้องไม่ชัดเจนเกินไปจนทำให้คนดูรู้สึกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ไม่อย่างนั้นถ้าคนดูเห็น มันจะรู้สึกชัดเกิน องค์ประกอบของฉัตรจะไม่ครบถ้วนครับ เพราะฉะนั้นการแสดงมันจะยากตอนแรกว่าเราจะเอามากหรือน้อยขนาดไหนในเรื่องของสิ่งที่เขาแสดงออก ถ้าถามเรื่องซีนไหนยากที่สุด สำหรับผมเป็นซีนที่หน้าชิลๆ หน่อย คือส่วนตัวเป็นคนที่ติดเล่นโมโนล็อก หมายถึงว่าจะมีอะไรคิดอยู่ในหัว มันคิดของมันเองตามธรรมชาติ แล้วพอคิดมันจะออกมานิดหนึ่ง ออกมาปลายยิ้มหรือแววตา ซึ่งการตีหน้าซื่อจริงๆ มันต้องไม่คิดอะไรเลย แรกๆ มันยาก เป็นซีนเบสิก แต่รู้สึกว่ามันยาก”
มาถึงอีกหนึ่งตัวละครสำคัญอย่าง ฮ้ง (ต๋อง-ธนายุทธ ฐากูรอรรถยา) ลูกชายคนเดียวของเจ้าสัวเฉิง (แน็ต-ชาติชาย เกษนัส) และยังถูกตั้งความคาดหวังให้เป็นผู้สืบทอดดูแลแมนสรวงต่อจากเจ้าสัว ฮ้งจึงต้องพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็นว่าเขาพร้อมที่จะรับช่วงต่อ ทั้งเรื่องการบริหารจัดการ และทักษะการเจรจาต่อรองเพื่อต้อนรับแขกผู้มาเยือนทั้งในและต่างชาติ ไปจนถึงความเข้มแข็งและหนักแน่นเพื่อทำให้ผู้อื่นยอมรับนับถือ ขณะเดียวกันเขาก็ต้องแอบซ่อนความกดดันที่ต้องแบกรับไว้ไม่ให้ใครเห็น
กระทั่งวันหนึ่งฮ้งเริ่มจับสังเกตได้ว่า เขมและว่าน สองไพร่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาทำงานได้ไม่นาน มีท่าทีไม่ชอบมาพากล และกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่นำพาฮ้งไปพบกับความจริงที่ถูกแอบซ่อนไว้ในสถานเริงรมย์แห่งนี้
ต๋อง-ธนายุทธ ฐากูรอรรถยา ผู้รับบท ฮ้ง เล่าถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับบทบาทนี้ว่า “การเตรียมตัวสำหรับบทบาทในเรื่องนี้ อย่างแรกเลยคือเราต้องเวิร์กกับเครื่องมือของนักแสดงค่อนข้างจะหนักมากๆ ทั้งเรื่องของร่างกาย น้ำเสียง แล้วก็อารมณ์ โดยเฉพาะเรื่องน้ำเสียง เราต้องปรับให้เป็นน้ำเสียงของฮ้ง ไม่ใช่น้ำเสียงของเรา ต้องรู้ว่าฮ้งใช้น้ำเสียงเลเวลไหน ต้องฝึกให้ชิน
“เราทำงานกับแบ็กกราวด์ค่อนข้างจะหนักมากๆ ต้องสำรวจว่าตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่เกิดเขาเป็นใคร มาจากไหน พ่อแม่เป็นใคร ปู่ย่าเป็นใคร เรื่องราวทั้งหมดของตัวละครฮ้งในอดีตเป็นอย่างไร ก่อนจะได้เป็นฮ้งที่ทุกคนได้เห็นกันก็ก่อสร้างกันมาค่อนข้างจะนานพอสมควร”
แมนสรวง สถานเริงรมย์ที่คับคั่งด้วยทัพนักแสดงมากฝีมือ
นอกเหนือจาก 4 นักแสดงนำอย่าง อาโป ณัฐวิญญ์, บาส อัศวภัทร์, มาย ภาคภูมิ และ ต๋อง ธนายุทธ ที่จะพาผู้ชมไปสำรวจเบื้องหลังที่ถูกแอบซ่อนของสถานเริงรมย์แห่งนี้ ภาพยนตร์ยังคับคั่งด้วยทีมนักแสดงมากฝีมือที่จะมาร่วมประชันบทบาท
นำโดย ตั้ว-ประดิษฐ ประสาททอง ผู้กำกับและนักแสดงละครเวที เจ้าของรางวัลศิลปาธร สาขาศิลปะการแสดง มารับบทเป็น พระยาบดีศร ขุนนางผู้ใหญ่ที่มอบหมายให้เขมและว่านแฝงตัวเข้าไปในแมนสรวง, คานธี วสุวิชย์กิต รับบทเป็น พระยาวิเชียรเดช ขุนนางรุ่นใหม่แห่งกรมท่า และเป็นลูกค้าคนสำคัญของแมนสรวง
สายฟ้า ตันธนา รับบท เตียง มือขวาของเจ้าสัวเฉิง, อร-อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ จาก บ้านฉัน..ตลกไว้ก่อน (พ่อสอนไว้) (2553) รับบท แม่ครูพิกุล แม่ครูผู้ฝึกสอนละครในผู้ชายประจำแมนสรวง, ลูกแพร์-นนทกร เฉลิมนัย รับบท แม่ทับทิม ผู้ควบคุมดูแลนางโลมและนายโลมประจำแมนสรวง, ฉั่ว-ศรชัย ฉัตรวิริยะชัย รับบท ขุนสุทินบริรักษ์ ข้าราชการลูกจีน และ แน็ต-ชาติชาย เกษนัส หนึ่งในผู้กำกับภาพยนตร์ที่มาร่วมแสดงในบทบาทของ เจ้าสัวเฉิง ผู้ก่อตั้งแมนสรวงและพ่อของฮ้ง
รับชมรายการ Chairs to Share EP.7 มาย-อาโป สุขและทุกข์ที่น่าจดจำ กับวันที่ตั้งคำถามถึงตัวเอง ได้ที่:
รับชมตัวอย่างได้ที่:
ภาพ: Be On Cloud