Sekai no Owari (เซกาอิ โนะ โอวาริ) น่าจะเป็นวงที่ถูกเปิดกรอกหูผมมากที่สุดในรอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยรุ่นน้องซึ่งนั่งโต๊ะติดกันที่ออฟฟิศ
และก็เป็นเพราะเวลาหนึ่งเดือนนี่แหละครับ ที่เปลี่ยนให้ผมซึ่งไม่รู้จักพวกเขามาก่อนกลายมาเป็นติ่งอ่อนๆ ที่คอยแนะนำวงนี้ให้กับเพื่อนๆ สายดนตรีอยู่เสมอ
ดนตรีของ Sekai no Owari นั้นอยู่คาบเกี่ยวระหว่างแจ๊ซ ร็อก อีดีเอ็ม และคลาสสิก นอกจากตัวเพลงแล้ว สิ่งที่ทำให้ผมทึ่งจริงๆ ก็คือฝีมือกับโปรดักชันคอนเสิร์ตของพวกเขา
บนเวทีคอนเสิร์ต สำหรับวงดนตรีทั่วไป นักร้องนำจะโดดเด่นเกินหน้าเกินตาและเป็นเป้าสายตาของคนส่วนใหญ่ แต่กับ Sekai no Owari นั้น สมาชิกทุกคนล้วนมีช่วงเวลาที่โดดเด่นในบทเพลง รวมถึงบนเวทีคอนเสิร์ตอย่างเท่าเทียม
เราได้เห็นพื้นฐานดนตรีแจ๊ซและคลาสสิกจากเปียโนของ ‘ซาโอริ’ เราได้ฟังเสียงเพราะๆ และคาแรกเตอร์จัดๆ บนเวทีของ ‘ฟุกาเสะ’ เราฟังเสียงกีตาร์พร้อมสัมผัสได้ถึงความเป็นผู้นำของ ‘นากาจิน’ รวมถึงการที่เราได้ทึ่งปนฮากับตัวประหลาดสวมหน้ากากตัวตลกที่มีชื่อว่า ‘ดีเจเลิฟ’
ทั้ง 4 สมาชิกล้วนทำให้ภาพและเสียงของ Sekai no Owari โดดเด่นเกินหน้าเกินตาวงดนตรีรุ่นเดียวกัน และอีกหนึ่งหมัดเด็ดที่สามารถซัดเอามิวสิกเลิฟเวอร์หลายๆ คนให้มาเลิฟวงนี้คือตัวเพลงนี่แหละครับ ถ้าจะต้องแนะนำสักเพลงหนึ่งให้กับคนที่ไม่เคยฟังพวกเขามาก่อน ผมไม่สามารถทำได้จริงๆ ครับ เพราะอย่างต่ำๆ ผมคงต้องจัดสัก 5 เพลง เพื่อที่จะให้เห็นภาพรวมของสิ่งที่ Sekai no Owari สามารถทำได้
และหากเลือกได้ ผมคงชวนๆ คนคนนั้นไปดูคอนเสิร์ตของวงมากกว่า
เป็นโชคดีของพวกเราครับที่จะได้ชมพวกเขาสดๆ ในงาน Soundbox ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นวันที่ 10 สิงหาคมนี้ และเป็นโชคดีมากๆ ของผมในฐานะแฟนคลับของวง ที่ทาง BEC-Tero Music ติดต่อมาให้ไปสัมภาษณ์พวกเขาตัวเป็นๆ ก่อนจะขึ้นคอนเสิร์ตในวันรุ่งขึ้น
“เดอะ สแตนดาร์ด โนะ แพทโตะเดส นิฮงโกะวะ โคเช ชิกะ ชาเบเรมาเซน”
แพท จาก THE STANDARD ครับ ผมพูดภาษาญี่ปุ่นได้แค่นี้แหละ…
ผมทักทายด้วยประโยคที่ซ้อมมา โดยมีฟุกาเสะ นากาจิน และดีเจเลิฟ (ที่ยังไงๆ ก็ไม่ถอดหน้ากาก) นั่งชิลล์ๆ รออยู่ในห้องสัมภาษณ์
ทางทีมงานเข้ามาแจ้งทันทีว่าซาโอริไม่สบาย จึงไม่สะดวกลงมาให้สัมภาษณ์ เธอบอกว่าอยากเก็บแรงไว้สำหรับใส่เต็มในคอนเสิร์ตมากกว่า… ไม่มีปัญหาครับ
การอธิบายแนวเพลงของคุณให้กับคนอื่นเป็นสิ่งที่ยากมากๆ ไหนลองช่วยผมอธิบายหน่อยสิครับ
ฟุกาเสะ: อืม ยากจริงๆ ด้วย
นากาจิน: ถ้าจะให้อธิบายได้ง่ายที่สุด คงต้องบอกว่าเพลงของวงเราเหมือนกิ้งก่าเปลี่ยนสีครับ คือเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ บางวันสีนี้ วันต่อไปสีนั้น เพลงเราแรงได้พอๆ กับหวานเจี๊ยบ ขึ้นอยู่กับว่า ณ ตอนที่แต่งเพลงนั้นๆ เรารู้สึกอย่างไรมากกว่าครับ สรุปง่ายๆ ก็คือ เราเป็นวงที่ทำเพลงมันทุกแนว และทุกๆ แนวก็จะซาวด์เหมือนกับเรา
ย้อนกลับไปหลายปีนิดหนึ่ง ผมอยากทราบว่าวงดนตรีของคุณเริ่มขึ้นมาได้อย่างไร และตอนที่ฟอร์มวงขึ้นมานั้น มีศิลปินคนไหนที่เป็นแรงบันดาลใจบ้าง
นากาจิน: ก่อนที่เราจะฟอร์มวง เราสร้างสถานที่สำหรับให้เล่นดนตรีด้วยกันได้ขึ้นมาก่อน ซึ่งก็คือไลฟ์เฮาส์เล็กๆ ที่จุคนได้ไม่กี่สิบ แล้วก็ชวนเพื่อนๆ มาดู มาปาร์ตี้ และเล่นดนตรี
ฟุกาเสะ: จริงๆ แล้ว Sekai no Owari เป็นหนึ่งในหลายต่อหลายวงที่เราสร้างขึ้นมานะครับ เราลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ จนมาลงตัวที่วงนี้แหละครับ
นากาจิน: ส่วนวงดนตรีที่เป็นแรงบันดาลใจให้เรานั้นก็มีอยู่หลายวง ตัวผม ฟุกาเสะ และดีเจเลิฟ จะฟังแนวเดียวกันก็คือร็อก พังก์ แต่ซาโอริจะแหวกแนวออกไปเลย เพราะเธอเติบโตขึ้นมาจากสายดนตรีคลาสสิก
ดีเจเลิฟ: ก็จะมีวงอย่าง NOFX กับ The Offspring ซึ่งทั้งคู่เป็นวงแคลิฟอร์เนียพังก์ที่เราชอบกันมากๆ
ในประเทศญี่ปุ่น วง Sekai no Owari จัดได้ว่าเป็นวงที่เล่นดนตรีสดดีเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ผมอยากให้คุณลองอธิบายให้คนที่ไม่เคยดูคอนเสิร์ตของพวกคุณสักหน่อยว่าเขาจะพลาดโอกาสในการเห็นอะไรบ้าง
ดีเจเลิฟ: โอวววว (หัวเราะ)
ฟุกาเสะ: อืมมม (ฮาาา)
นากาจิน: อาฮะ… เราแตกต่างจากวงอื่นๆ พอสมควร เราจะสร้างโชว์ขึ้นมาเพื่อแต่ละเพลงโดยเฉพาะเลยครับ หนึ่งโจทย์ที่เราชอบใช้คือทำโชว์ให้คนคิดไม่ถึง เพลงบางเพลงเนื้อหาอาจเศร้า แต่เราจะออกแบบโชว์ให้สนุกสุดๆ เพลงมันๆ สนุกๆ บางเพลงเราก็จะช็อกคนดูด้วยการทำให้บรรยากาศเศร้าๆ หม่นๆ พูดง่ายๆ คือเราพยายามคิดให้นอกกรอบเข้าไว้ และพยายามตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะสร้างศิลปะดีๆ ขึ้นมาในโชว์ครับ
หลังจากที่ประสบความสำเร็จมากมายในประเทศญี่ปุ่น Sekai no Owari ได้ทำเพลงสากลออกมาในโดยใช้ชื่อวงว่า End of the World (ซึ่งก็คือคำแปลภาษาอังกฤษของ Sekai no Owari) การได้ทำงานกับโปรดิวเซอร์ชื่อดังมาแล้ว (Nicky Romero, Owl City) ก้าวต่อไปของวงคืออะไรครับ
นากาจิน: เอาเข้าจริง การมาทัวร์ในประเทศอื่นๆ ก็นับว่าเป็นก้าวใหม่ของเรานะครับ
ฟุกาเสะ: ก้าวต่อไปน่าจะเป็นการทำเพลงภาษาอังกฤษแบบเต็มอัลบั้มครับ ซึ่งก็ใกล้จะได้ฟังกันแล้วครับ ใกล้มากๆ ใกล้สุดๆ ภายในปีนี้น่าจะรู้กันครับว่ามันจะออกจำหน่ายเมื่อไร
ฟุกาเสะกับนากาจินครับ ช่วยอธิบายหน้าตาที่แท้จริงของดีเจเลิฟให้ฟังหน่อยได้ไหม เพราะน่าจะมีแค่พวกคุณนี่แหละที่เคยเห็นหน้าจริงๆ ของเขา
นากาจิน: ตอนนี้ผมว่าหน้าเขาก็เหมือนหน้ากากที่เขาใส่อยู่นี่แหละครับ (หัวเราะ)
ฟุกาเสะ: หน้ากากนี่ก็เหมือนแม่พิมพ์เวลาเราเทขนมใส่ลงไปครับ พอดีเจเลิฟใส่หน้ากากนี้ทุกวันๆๆๆ พอถอดออกมาทีก็เหมือนกันไปซะแล้ว
ดีเจเลิฟ: โหนกแก้มผมก็ใหญ่เหมือนหน้ากากนี่เป๊ะๆ จมูกนี่เอาเข้าจริงมันก็เริ่มแดงแล้วครับ
ความฝันของวงในตอนเริ่มต้นคืออะไร แล้ว ณ จุดนี้ พวกคุณทำความฝันนั้นให้เป็นจริงขึ้นมาหรือยัง
ดีเจเลิฟ: อุ๊ย กลับมาเป็นคำถามมีสาระแล้ว
นากาจิน: ฝันของเราตอนนั้นกับตอนนี้มันแตกต่างกันมากครับ เอาเข้าจริงเราก็ไม่เคยฝันว่าเราจะมาถึงจุดๆ นี้ได้
ฟุกาเสะ: เริ่มต้นนั้นเราแค่อยากทำเพลงให้คนทุกกลุ่มได้ฟัง ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ถ้าถามว่าความฝันข้อนี้เป็นจริงขึ้นมาหรือยัง ก็ต้องตอบว่าเป็นแล้วครับ แต่ฝันของพวกเราจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และคงจะไม่หยุดฝันในเร็วๆ นี้แน่นอนครับ
สุดท้ายนี้อยากจะฝากอะไรกับแฟนๆ ชาวไทยกันบ้างครับ
ฟุกาเสะ: เราเพิ่งจะเคยมาประเทศไทยเป็นครั้งแรกครับ หลังจากที่เราลงจากเครื่องเมื่อคืน เราก็ไปตะลุยตลาดกลางคืนกันก่อนเลยทันทีครับ
ดีเจเลิฟ: เราได้กินของอร่อยๆ กันตั้งแต่คืนแรกเลยครับ ขอบอก
ฟุกาเสะ: เอาเข้าจริง เราศึกษาเรื่องราวต่างๆ ของประเทศไทยมาตั้งนานแล้ว แต่เพิ่งจะมีโอกาสมาเยี่ยมเยียน เราชื่นชอบวัฒนธรรมของไทยมากๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือสถานที่ท่องเที่ยว ครั้งนี้อาจจะเป็นคอนเสิร์ตที่เราเล่นร่วมกับศิลปินท่านอื่น แต่เราก็อยากจะกลับมาเล่นโชว์ของเราแบบเต็มๆ อีกครั้ง เพราะฉะนั้นแฟนๆ ทุกท่านเชิญเรียกร้องกันมาได้เลยครับ เรียกร้องกันเยอะๆ เลย เราจะกลับมาที่นี่อีกครั้งแน่นอน
Soundbox Concert 10 สิงหาคมนี้ ที่เมืองไทย จีเอ็มเอ็ม ไลฟ์เฮาส์ ซื้อบัตรได้ทาง thaiticketmajor.com
ขอขอบคุณ BEC-Tero Music ที่คอยดูแลความสะดวกในการสัมภาษณ์