×

เลือกตั้ง 2566 : ณัทกร แก้วพิจิตร พรรครวมไทยสร้างชาติ ‘ทายาทรุ่นสาม บ้านใหญ่นครปฐม’

โดย THE STANDARD TEAM
06.05.2023
  • LOADING...
ณัทกร แก้วพิจิตร

ชื่อ-นามสกุล: ณัทกร แก้วพิจิตร

 

อายุ: 27 ปี

 

สังกัดพรรค: รวมไทยสร้างชาติ

 

เขตการเลือกตั้ง: นครปฐม เขต 1 อำเภอเมืองนครปฐม อำเภอสามพราน

 

การศึกษา: กำลังศึกษาชั้นปริญญาโท คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม, ปริญญาตรี คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิชาการพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม

 

สมาชิกในครอบครัว: หลานของ สุนทร แก้วพิจิตร ประธานสภาเทศบาลนครนครปฐม อดีตนายกเทศมนตรีเมืองนครปฐม, หลานของ สมพัฒน์ แก้วพิจิตร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม สังกัดพรรคชาติไทย, หลานของ สินธพ แก้วพิจิตร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม

 

การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทย ปี 2566 มีการเปิดตัว ‘ผู้สมัครหน้าใหม่-เลือดเก่า’ จากหลายพรรคการเมือง สร้างความคึกคักให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ เป็นทางเลือกสดใหม่ให้หลุดพ้นจากความจำเจด้านการเมือง

 

ขณะที่อีกด้านของเหรียญ ผู้สมัครเหล่านี้คล้ายว่าจะเป็นสัญลักษณ์แห่ง ‘การเปลี่ยนมือ’ ของตระกูลนักการเมือง ไม่ว่าจะในระดับชาติหรือว่าท้องถิ่น เพราะต่อให้เป็นคนหน้าใหม่ แต่ ‘นามสกุล’ ที่คุ้นเคยยังคงติดอยู่บนป้ายหาเสียงไม่เลือนหายไปไหน

 

อย่างไรก็ตาม การพิพากษาตัดสินไปก่อนล่วงหน้าว่าผู้สมัครหน้าใหม่เป็นเพียงตัวแทนรุ่นถัดไปของครอบครัวบ้านเก่าก็คงไม่ยุติธรรมมากนัก หากยังไม่ได้ทำความรู้จักกับผู้สมัคร ศึกษาทัศนคติ และทำความเข้าใจเลนส์ความคิด-ความเชื่อเกี่ยวกับการเมืองของพวกเขาและเธอ

 

การลงสนามการแข่งขันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกของผู้สมัครหน้าใหม่-เลือดเก่าเป็นเช่นไร มีความคิดเห็นอย่างไรกับการต่อสู้บนสนามเลือกตั้งที่ถูกแช่แข็งมายาวนานนับทศวรรษ

 

ณัทกร แก้วพิจิตร

 

ทำงานไปพร้อมกับเรียน

 

เส้นทางการเมืองของทายาทรุ่นที่ 3 แห่งตระกูลแก้วพิจิตรอย่าง ณัทกร แก้วพิจิตร หรือ ปั้น เริ่มต้นภายหลังจากเรียนจบชั้นมัธยมปลายจากสหรัฐอเมริกา โดยเขาเลือกเดินทางกลับประเทศไทยและเข้าเรียนการศึกษาภาคพิเศษที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม เพื่อให้ตนเองสามารถใช้เวลาในวันธรรมดาไปกับการทำงานเป็นผู้ช่วยคุณตา สุนทร แก้วพิจิตร ประธานสภาเทศบาลนครนครปฐม

 

“ช่วยมาได้ 6-7 ปีแล้วครับ ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกาใหม่ๆ ผมกลับมาประเทศไทยก็กลับมาช่วยคุณตาทำงานเลย อาสาเข้ามารับใช้พ่อแม่พี่น้องประชาชน ระหว่างทำงานก็เรียนปริญญาตรีภาคพิเศษควบคู่กันไป วันจันทร์ถึงวันศุกร์ผมเป็นเลขาฯ ของคุณตา ซึ่งตอนนั้นท่านก็เป็นประธานสภาเทศบาลนครนครปฐม ผมเป็นเลขาฯ ก็ช่วยประสานงานกับหน่วยราชการต่างๆ”

 

การเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาต่อด้วยการเรียนภาษาอีกหนึ่งปีครึ่ง แล้วบินลัดฟ้ากลับมาทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนทันทีโดยไม่คิดว่าตนเองต้องถือดีกรีชั้นปริญญา อาจเป็นการตัดสินใจที่ดู ‘ผิดขนบ’ การศึกษาไทยไม่มากก็น้อย อย่างที่สังคมไทยในหลายภาคส่วนยังมีความเชื่อว่าชีวิตการทำงานควรเริ่มหลังจากชั้นปริญญาตรี 

 

อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ณัทกรเลือกเช่นนั้น?

 

ณัทกรย้อนกลับไปให้เหตุผลเกี่ยวกับการตัดสินใจเริ่มต้นว่า จากการคลุกคลีอยู่ในตระกูลการเมืองที่รับใช้พี่น้องประชาชนมาอย่างยาวนาน ทำให้เขาได้รู้ว่ายังมีประชาชนที่เดือดร้อนภายในจังหวัดนครปฐมแค่ไหน ดังนั้น หากเขาสามารถช่วยอะไรได้ก็อยากจะลงมือช่วยทันที

 

“จุดที่เห็นพี่น้องประชาชนเข้ามาหาคุณตา คุณน้า พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ มาด้วยน้ำตา คุณตากับคุณน้าก็มีศูนย์ประสานงาน ศูนย์รับความช่วยเหลือให้พ่อแม่พี่น้องประชาชน เขาก็จะเข้ามาเขียนเรื่องคำร้องไว้ เดือดร้อนตรงนี้ น้ำไม่ไหล ไฟดับ หรืออื่นๆ”

 

การเมืองเรื่องของทุกคน

 

อายุน้อยไม่เคยเป็นปัญหาต่อการเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง ณัทกรในตำแหน่งผู้ช่วยประธานสภาเทศบาลนครนครปฐมยังคงหนักแน่นในอุดมการณ์ที่อยากจะเข้ามาช่วยเหลือสังคม เขาสั่งสมประสบการณ์การทำงานต่อเนื่อง ร่วมมือกับผู้คนหลากหลายในการแก้ไขปัญหาของประชาชน พร้อมที่จะรับฟังข้อเสนอแนะและความคิดเห็นของคนทุกวัย

 

เพราะเขาเชื่อว่าการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน

 

เป็นการร่วมมือกันของคนทุกวัย ทุกระดับการศึกษา โดยมีความตั้งใจเดียวกันคืออยากทำให้บ้านเมืองดีกว่าเดิม

 

นอกจากนั้นเขายังมองว่าการตัดสินว่าคนรุ่นเก่าเป็นคนที่ไม่เท่าทันโลก หรือว่าให้คำแนะนำที่ไม่มีประสิทธิภาพเป็นความคิดที่น่ากลัว เพราะคนรุ่นเก่าเองก็เป็นกลุ่มคนที่ ‘เก๋าเกม’ มีประสบการณ์ในการทำงานการเมืองมาช่ำชอง ย่อมรู้ลำดับขั้นตอนในการทำงาน มีเทคนิคในการบริหาร สามารถเป็นคนสอนงานให้กับคนรุ่นใหม่ 

 

ส่วนเมื่อมีคนรุ่นใหม่เข้ามาเสริมทัพ พร้อมกับองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีที่ก้าวทันโลกยุคดิจิทัล ก็ย่อมพัฒนายิ่งขึ้นไป

 

“การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน ไม่ใช่เฉพาะของทุกคนที่มีประสบการณ์หรือว่าผู้สูงอายุ ถ้าเด็กรุ่นใหม่เอาเทคโนโลยี เอานวัตกรรมเข้ามาผสมผสาน ก็ได้สิ่งใหม่ๆ เข้ามา”

 

ณัทกร แก้วพิจิตร

 

สืบสานเจตนารมณ์ตระกูล

 

เมื่อกล่าวถึงสิ่งที่เวียนวนกลับมาทุก 4 ปี บางคนอาจคิดถึงการจัดกีฬาโอลิมปิก บางคนอาจคิดถึงการจัดฟุตบอลโลก ส่วนในมิติการเมืองไทยคงไม่พ้นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะได้มีการเลือกผู้แทนประจำเขตที่อยู่อาศัยอีกครั้ง

 

และเป็นเรื่องปกติเมื่อเข้าใกล้ช่วงเวลาแห่งการยุบสภาเพื่อเตรียมการเลือกตั้งครั้งใหม่ วงสังคมการเมืองทั่วประเทศก็กลับมาคึกคัก เริ่มตั้งแต่การเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ สมาชิกพรรคหน้าใหม่ หรือว่านโยบายใหม่ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ว่าพวกเขาเหล่านั้นพร้อมเข้ามารับใช้พี่น้องประชาชน

 

นอกจากภาคคนทำงานการเมืองที่ตื่นตัวกันถ้วนหน้า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (สำนักงาน กกต.) เองก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทาง กกต. ได้ประกาศขยับตัวเลขการแบ่งเขตเลือกตั้งจาก 350 คนในปี 2562 เป็น 400 คนในปี 2566 โดยทางจังหวัดนครปฐมมีการแบ่งเขตใหม่จากเดิม 5 เขตการเลือกตั้ง เป็น 6 เขตการเลือกตั้ง

 

ช่วงเวลาที่โอกาสเดินเข้ามาหาถึงเขตบ้านเกิด ณัทกรที่มีความสนใจในทางการเมืองไม่เคยลดน้อยถอยลง จึงเล็งเห็นแล้วว่านี่คือช่วงเวลาอันดีที่จะได้ก้าวสู่วงการการเมือง สืบสานเจตนารมณ์ของตระกูลในการรับใช้ประชาชนอย่างที่เคยตั้งใจเอาไว้

 

“คือเขตมันมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ ซึ่งจากเดิมมี 5 เขต เป็น 6 เขต เขตใหม่ซึ่งไม่มีเจ้าของแล้วก็มีเฉพาะหนุ่มสาววัยรุ่นลง ทำให้ผมเกิดกำลังใจในการลงสมัครในครั้งนี้ เนื่องด้วยอยู่ในวงการการเมืองมานาน ตระกูลก็เล่นการเมืองมานาน ก็เลยอยากสืบสานเจตนารมณ์ของตระกูลต่อไป”

 

ซึ่งเขาก็มองว่าการเป็นหน้าใหม่ในการเลือกตั้งครั้งนี้มีข้อดีคือความสดใหม่ ประวัติที่ไม่มีจุดด่างพร้อย พร้อมที่จะทำงานเพื่อประชาชน เมื่อจังหวะชีวิตทุกอย่างเป็นใจ เขาจึงตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งในเขต 1 จังหวัดนครปฐม ใต้โลโก้ของพรรครวมไทยสร้างชาติ

 

ณัทกร แก้วพิจิตร

 

3 เหตุผลกับพรรครวมไทยสร้างชาติ

 

นอกจากแนวคิดเกี่ยวกับการทำงานไปพร้อมกับการเรียน เหตุผลในการตัดสินใจเลือกสังกัดพรรคการเมืองของณัทกรก็น่าสนใจไม่แพ้กัน สืบเนื่องจากนับแต่การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรปี 2562 ต่อเนื่องมาจนถึงปี 2566 กระแสการเลือกพรรคของสมาชิกคนรุ่นใหม่จากอุดมการณ์ทางการเมืองเป็นที่แยกออกจากกันไม่ขาด

 

แล้วณัทกรเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติจากเหตุผลอะไรบ้าง?

 

เด็กใหม่ที่เพิ่งสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ถึง 1 ปีให้ 3 เหตุผลในการเลือกพรรคคือ

 

ประการแรก เขายังเป็นเด็กใหม่ที่อ่อนประสบการณ์ทางการเมือง ดังนั้น เขาจึงเลือกที่จะเดินตามรอยคุณน้า สินธพ แก้วพิจิตร เมื่อสินธพย้ายสังกัดพรรคการเมืองจากประชาธิปัตย์ไปรวมไทยสร้างชาติ เขาก็พร้อมติดตามไปด้วย

 

ประการที่สอง เขาเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ผู้มีประสบการณ์ทางการเมืองมาอย่างยาวนาน และพร้อมจะพัฒนาประเทศอย่างสุดความสามารถ

 

และประการสุดท้าย เรื่องของแนวคิดทางการเมืองที่ยืนหยัดในสถาบันหลักของชาติอย่างมั่นคง คือเป็นพรรคที่ยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

 

“เห็นรูปโลโก้พรรคไหมครับ ก็เป็นรูปเหมือนธงชาติอยู่แล้ว คือยึดถือในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คือสิ่งแรกที่นักการเมืองต้องยึดถือในสิ่งนี้ครับ”

 

ผู้อ่อนประสบการณ์ทางการเมือง

 

สำหรับบางคน การตอบว่าตนเองเลือกเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเพราะขอเดินตามรอยคุณน้าสินธพ อาจเป็นการให้เหตุผลที่ ‘เบา’ เกินกว่าจะยอมรับได้ หากณัทกรไม่ได้มองเช่นนั้น

 

เขาเริ่มอธิบายให้ฟังด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า ตนเองไม่เคยมองว่าการตอบเช่นนี้เป็นคำตอบที่ไม่สอดคล้องกับหลักตรรกะ สิ่งแรกเริ่มที่ต้องตั้งฐานให้เข้าใจตรงกันก่อนคือแม้ว่าเขาจะทำงานเป็นผู้ช่วยคุณตาก่อน แต่นั่นก็เป็นการบริหารในภาคส่วนของภาคราชการ เมื่อกระโดดมาในโลกการเมือง เขาก็เป็นเพียง ‘ผู้อ่อนประสบการณ์’ เท่านั้น

 

ชายที่เพิ่งอายุครบ 27 ปีไม่ถึงหนึ่งเดือนดียังคงเป็น ‘หน้าใหม่’ สำหรับแดนสนธยาแห่งนี้ การที่มีคุณน้าเป็นคนคอยชี้นำทางให้ก็เป็นเรื่องที่ดี เป็นโชคดีของเขาที่มีผู้ใหญ่ผู้มากประสบการณ์คอยช่วยแนะนำ ให้คำปรึกษา แล้วในกรณีที่เขาได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในรอบนี้ การทำงานในรัฐสภาก็จะเปิดโลกของเขาให้กว้างขึ้น มีปฏิสัมพันธ์กับคนมากขึ้น และประสบการณ์ใหม่ก็จะทำให้เขาเติบโตขึ้น หลังจากนั้นหากเขาค้นพบจุดยืนที่ตอบโจทย์กับชีวิตก็ค่อยมาพิจารณาถึงเส้นทางชีวิตอีกครั้งก็ยังไม่สาย

 

“ผมยังอ่อนประสบการณ์ ซึ่งมีผู้หลักผู้ใหญ่คอยชี้แนะนำทางก็ต้องเดินตามทางไปก่อน จนกระทั่งถ้าเข้าไปนั่งในเก้าอี้ผู้แทนฯ ได้ คราวนี้โลกมันจะเปิดแล้ว คือเรารู้จักคนมากแล้ว ก็จะเจอคนอีกเยอะ เราก็มีคอนเนกชันของเราเอง ก็ค่อยว่ากันต่อ…คือผมก็มานั่งคิดได้แล้ว อยู่ๆ ให้ผมไปโดดลงพรรคเพื่อไทย ก้าวไกลเลย มันไม่ได้ มันไม่มีคนชี้นำทาง”

 

ชายผู้นิยามตัวเองว่ายังเป็นละอ่อนทางการเมืองย้ำอีกครั้งว่า ไม่อยากให้มองว่าการตัดสินใจในครั้งนี้เป็นการเลือกที่ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง เพราะตัวเขาเองได้พิจารณามาแล้วว่าเส้นทางนี้เหมาะสมที่สุดกับเขา ณ เวลานี้

 

ณัทกร แก้วพิจิตร

 

ยิ่งตระกูลผลงานดี ยิ่งท้าทายการสานต่อ

 

ทั้งการทำงานร่วมกับคุณตาสุนทรในสภาเทศบาลนครนครปฐม ต่อเนื่องมายังการทำงานกับคุณน้าสินธพในพรรคการเมือง เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ไม่ยากว่าคนในครอบครัวคือตัวอย่างในการใช้ชีวิตและเป็นแรงบันดาลใจในการทำงาน เป็นแรงขับเคลื่อนที่อยากช่วยเหลือคนอื่นอย่างสุดความสามารถ

 

สมาชิกในครอบครัวคนแรกที่เป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตด้วยความละเอียดรอบคอบคือคุณตาสุนทร ผู้สอนให้ณัทกรรู้จักชีวิตผ่านการสอนให้เข้าใจขั้นตอนการก่อสร้าง ตั้งแต่การจับตลับเมตร การวัดอิฐบล็อก สอนผสมปูน การใช้หินใช้ทราย เพื่อให้เขาเข้าใจว่าการทำงาน การสร้างบางสิ่งบางอย่าง จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจในรายละเอียดเชิงลึก และฐานความรู้ที่แน่นก็จะทำให้ผลงานออกมาสวยงาม มั่นคง รวมไปถึงการสอนวิธีการเข้าสังคมอีกด้วย

 

คนที่สองคือ สมพัฒน์ แก้วพิจิตร หรือกำนันไก่ผู้ล่วงลับ ที่เป็นแบบอย่างที่ดีในการทำงานให้กับประชาชนอย่างเต็มที่ แล้วความดีที่ทำก็จะส่งผลตอบรับทางบวกกลับมา อย่างที่เขาให้เห็นเป็นประจักษ์ว่าแม้เวลาผ่านไปแค่ไหน คนในพื้นที่ก็ยังคงจดจำผลงานของกำนันไก่ได้เสมอ แม้กำนันไก่เสียชีวิตไปนานนับ 10 ปีแล้วก็ตาม ยามเขาผู้เป็นหลานเข้าไปในพื้นที่ ก็ยังได้รับการต้อนรับอย่างดี

 

“กำนันไก่เสียชีวิตไป 10 กว่าปีแล้ว แต่ท่านมีผลงานมากมายในแวดวงการเมือง ท่านนำสะพานมาสู่พ่อแม่พี่น้องตำบลบางช้าง ก็ยังมีชื่อท่านอยู่ที่สะพานอยู่เลย ชาวบ้านก็ยังจดจำท่านอยู่ จนกระทั่งผมเข้าไปเป็นรุ่นที่สาม เขาก็ยังยินดีรับอยู่”

 

และคนสุดท้ายคงไม่พ้นคุณน้าสินธพที่เป็นคนร่วมตระกูลและร่วมพรรคการเมือง ผู้จุดประกายความต้องการช่วยเหลือผู้คนผ่านกีฬา ผู้สร้างโครงการฟุตบอลต้านยาเสพติด เสธ.แก้ว คัพ เพื่อให้คนในพื้นที่ออกห่างจากของเสพมึนเมา

 

ณัทกร แก้วพิจิตร

 

การหาเสียงที่หยุดพักไม่ได้

 

ความท้าทายในการสืบชื่อวงตระกูลไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขาก็ไม่เคยเครียดหรือกังวลกับการตัดสินใจเดินบนเส้นทางนี้ อย่างที่ณัทกรย้อนกลับไปเล่าความรู้สึกในวันจับสลากเบอร์ผู้สมัครให้ฟังว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ที่สนุกมาก มันมาก และเป็นอีกหนึ่งวันที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วเพียงกะพริบตา นับตั้งแต่ตอนเขาเดินออกไปจับสลาก เมื่อได้เบอร์แล้วก็ต้องรีบจัดการในส่วนของเสื้อทีม ลงประกาศโซเชียลเพื่อให้ผู้ติดตามบนโลกออนไลน์ได้รับทราบว่าตนเองได้เลขอะไร

 

จากนั้นเมื่อเสื้อพร้อมเบอร์ 9 เดินทางมาถึงในช่วงบ่าย ณัทกรก็พร้อมออกเดินสายแนะนำตัวให้ประชาชนในพื้นที่รู้จักทันที ช่วงดึกก็ยังไปต่อที่งานประจำปีของวัดไร่ขิง ที่เขาไม่ได้เพียงเดินหาเสียงกับผู้เข้าร่วมงานเท่านั้น แต่ยังรอคอยที่จะแนะนำตัวกับผู้อยู่เบื้องหลังของการจัดการงานอย่างอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และผู้นำชุมชนที่รอเก็บกวาดงานหลังเลิกอีกด้วย

 

“งานบวช การแต่ง งานศพ ก็ไปทุกงาน จนกระทั่งมางานวัด ช่วงนี้งานวัดเยอะ ก็ลุยทุกงานครับ…อย่างวันนี้ก็มีเดินสายจนถึงช่วง 3 ทุ่มครับ”

 

การทำงานของณัทกรในแต่ละวันมีตารางชีวิตในช่วงเช้าคล้ายกับพนักงานบริษัท คือเริ่มต้นด้วยการนัดเจอกับทีมงานที่จุดประสานงานพรรคตั้งแต่เวลา 07.30 น. พร้อมออกเดินทางในเวลา 08.00 น. พักกินข้าวในช่วงเที่ยง แต่เขาไม่ได้เลิกงานตอน 18.00 น. จะลุยตระเวนเดินสายยาวจนกว่าแผนการหาเสียงในช่วงเย็นหรือดึกจะเสร็จสิ้น เป็นเช่นนี้ทุกวัน

 

ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ไหนของเขตการเลือกตั้ง เขาก็มุ่งมั่นจะเข้าไปยังทุกพื้นที่ไม่ให้มีหลุดรอด พร้อมที่จะสวมเสื้อแจ็กเก็ตติดตราพรรครวมไทยสร้างชาติ พาดผ้าขนหนูที่คอเพื่อซับเหงื่อคลายร้อน กระโดดขึ้นรถจักรยานยนต์จากพื้นที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง หรือใช้รถสองแถวในการเดินทางไปพร้อมกับทีมงาน

 

แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าอากาศในเดือนเมษายนปี 2566 มีความรุนแรงเพียงใด จึงไม่น่าแปลกใจถ้าทีมงานจะมีอาการเจ็บป่วยบ้าง ณัทกรก็ยินดีให้ทีมงานสามารถหยุดพักได้หากร่างกายไม่ไหว แต่ในกรณีตัวเขาเอง จะไม่มีวันหยุดแม้แต่วันเดียว

 

“ยังไม่เคยมีวันหยุดเลยครับตั้งแต่จับเบอร์ ก็ให้สลับเวรกันพักในส่วนของทีมงานถ้าไม่ไหว ให้พัก แต่ว่าผมพักไม่ได้ บอกแล้วทุกวินาทีของผมตอนนี้มีความหมาย ถ้าประสบการณ์การลงพื้นที่ก็ยังไม่ค่อยมี ก็ต้องลงพื้นที่ให้มากที่สุด ก็ใช้ทุกวินาทีให้มีความหมาย มีแผนรับปากว่าจะไปงาน ก็ต้องไปให้ครบทุกงาน จะไปนิดจะไปหน่อยก็ต้องไป”

 

ณัทกร แก้วพิจิตร

 

สุดแท้แต่ประชาชนพิจารณา

 

โดยปัญหาหลักที่ทางณัทกรมองว่าถ้ามีโอกาสได้เข้ามาทำงาน ก็จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของประชาชนเป็นหลัก อย่างเช่น เรื่องของการระบายน้ำที่ยังไม่มีการประสานงานระหว่างทุกภาคส่วนเพียงพอ จนส่งผลให้ในท้ายที่สุดแล้วก็เกิดปัญหาน้ำท่วมขังประมาณ 80 เซนติเมตรที่ตำบลหอมเกร็ด

 

เรื่องที่สองคือเรื่องปัญหาการเดินรถสิบล้อที่เข้ามาวิ่งผ่านตำบล โดยที่เขาย้อนความไปว่าตามกฎหมายแล้วถนนในตำบลจะต้องรองรับน้ำหนักน้อยกว่า 20 ตัน ซึ่งรถบรรทุกสิบล้อเหล่านี้ย่อมมีน้ำหนักสินค้าที่ขนส่งมาด้วยหนักมากกว่านั้น เป็นผลให้ตัวถนนที่รองรับน้ำหนักก็ทรุดโทรม และเรื่องสุดท้ายคือเรื่องของกล้องวงจรปิดที่ยังไม่เพียงพอ เมื่อเกิดอาชญากรรมขึ้นก็เป็นปัญหาตามมาว่าไม่สามารถจะไปหาหลักฐานจากไหนได้

 

น้ำเสียงฉะฉาน บุคลิกคล่องแคล่ว วิธีการโต้ตอบกับคนต่างวัยที่ตรงประเด็น เข้าใจง่าย จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ณัทกรจะสามารถเข้าถึงผู้คนทุกเพศทุกวัยได้ง่าย โดยเขามีวิธีการส่วนตัวเพื่อการเข้าถึงประชาชนและพื้นที่โดยการดำเนินตามรอยกำนันไก่ที่เป็นผู้แทนติดดิน ไม่ถือตัว ไม่แบ่งชนชั้น สนุกสนานเฮฮา พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในทุกสังคม

 

“คือสำหรับผมนะ ผมเข้าได้กับทุกวัย ผมเข้ากับคนง่าย กินข้าว เที่ยวสนุกสนาน สังสรรค์ คือไปตามรอยของกำนันไก่เลย ตามปณิธานของท่าน สนุก เฮฮา ชวนไปงาน คือผมคุยได้ทุกวัย อันนี้จริงๆ เลยนะ ถามชาวบ้านใครก็ได้ ตกเย็นก็นั่งกินเบียร์นิดหน่อย มีอะไรก็มานั่งคุยกัน”

 

ในการต่อสู้ที่แสนดุเดือดในสนามการแข่งขันเขตใหม่ของจังหวัดนครปฐม ณัทกรยังคงความสำคัญกับการลงพื้นที่ทุกวันอย่างเต็มที่เป็นอันดับแรก ทำทุกวันให้เต็มที่ แล้วรอให้ผู้ถือสิทธิการเลือกผู้แทนอย่างประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ

 

“ผมคิดว่าผมทำเต็มที่แล้ว คือถ้าถามว่าตัวเต็งมีไหม มี กระแสพรรคมีไหม มีหมด แต่เครียดไปก็เท่านั้น สุดท้ายประชาชนเป็นคนกาบัตร บอกว่าผู้นำชี้จูงได้นะ นู่นนั่นนี่ คือผู้นำตำบลหนึ่งมีอยู่ 10 หมู่ 10 คน ชาวบ้านมีเป็นพันคน สุดท้ายเราทำดีเข้าไป ให้มีการชี้จูงอย่างไรเขาก็ไม่ฟัง คือทำความดีเข้าไปเลย ผมคิดแค่นี้ ชาวบ้านจะเลือกไม่เลือกก็สุดแล้วแต่เขาจะพิจารณา”

 

ณัทกร แก้วพิจิตร

 

ของมูของปั้น

“พอหลังจากจับเบอร์เสร็จก็ตระเวนไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัด ไหว้องค์พระร่วงโรจนฤทธิ์ ไหว้ศาลหลักเมือง ไหว้หลวงพ่อวัดไร่ขิง ไหว้หลวงพ่อสัมฤทธิ์ น่าจะไปไหว้เป็นสิบที่อยู่นะ”

 

เรื่อง: จามาศ โฆษิตวิชญ
ภาพ: พีระพล บุณยเกียรติ

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising