ธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด กล่าวถึงการปรับลดลงของราคาทองคำในช่วงนี้ว่า ถ้าดูผลตอบแทนของทองคำตั้งแต่ต้นปี 2563 ถือว่ามีความโดดเด่นมาก แต่ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังมีข่าวความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ก็ทำให้ราคาทองคำปรับลดลง เพราะเงินส่วนหนึ่งไหลไปยังตลาดหุ้น เนื่องจากเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกจะเริ่มฟื้นตัวและกลับมาเติบโตได้
โดยถ้าดูตลอดเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ราคาทองคำร่วงลงมาแล้วราว 10% ซึ่งถือว่าลดลงอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าดูราคาทองคำช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมายังคงเห็นการเคลื่อนไหวที่ระดับ 29,000 บาทต่อบาททองคำ แต่ในช่วงเวลาไม่กี่วัน ราคาทองคำปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 26,000 บาทต่อบาททองคำแล้ว
คำถามคือทองคำเป็น ‘ขาลง’ แล้วหรือยัง
ก่อนหน้านี้เราเคยเห็นแนวคิดของ เรย์ ดาลิโอ ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้กล่าวถึงปัญหาต่างๆ ในสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหนี้สิน ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ปัญหาทางนโยบายการเงินที่ไร้ประสิทธิภาพ รวมถึงการท้าทายของมหาอำนาจอย่างจีนที่กำลังแซงหน้าสหรัฐฯ ทั้งหมดนี้นำมาสู่การเสื่อมค่าของสกุลเงินดอลลาร์ เรย์ ดาลิโอ จึงให้ความสำคัญกับทองคำมาตลอด ด้วยแนวคิดนี้ต่อให้ทองคำจะร่วงลงมาแรงแค่ไหน เขาก็ยังแนะนำให้ซื้อสะสมทองต่อไป
ธีรรัฐกล่าวด้วยว่าหลังจากที่ราคาทองคำปรับลดลงรุนแรง ล่าสุดเริ่มเห็นนักลงทุนสถาบันระดับโลกออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับราคาทองคำที่ว่าราคาทองคำกำลังจะเป็น ‘ขาลง’ ซึ่งในการลงทุนต่างๆ การมองหาแนวคิดที่แตกต่างถือว่ามีความสำคัญมาก เชื่อว่าหากได้อ่านแนวคิดเหล่านี้แล้วจะช่วยเปิดมุมมองที่มีต่อทองคำในอีกรูปแบบหนึ่ง
Morgan Stanley, World Platinum Investment Council และ Macquarie มองว่าทองคำได้เปลี่ยนเป็นขาลงแล้ว
นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley ได้กล่าวว่าปัจจัยที่จะกดดันให้ทองคำเป็นขาลงได้เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งเป็นผลจากข่าวการมาของวัคซีนโควิด-19 ที่จะช่วยทำให้เกิดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) ปรับเพิ่มขึ้นได้ในที่สุด หากผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นแปลว่าดอลลาร์จะเกิดการแข็งค่า ทำให้ทองคำร่วงลงไปอีก
เทรเวอร์ เรย์มอนด์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ World Platinum Investment Council ได้ให้ความเห็นสั้นๆ ว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ใช้ป้องกันความเสี่ยง การมาของวัคซีนทำให้ความเสี่ยงลดลง ความต้องการทองคำจึงลดลง
ส่วนมุมมองของ มาร์คัส การ์วีย์ นักวิเคราะห์จาก Macquarie นั้นน่าสนใจมาก โดยบอกว่าทองคำ ‘จบรอบขาขึ้น’ แล้ว ซึ่งเขาเปรียบเทียบกับช่วงปี 2013 ที่ทางธนาคารกลางสหรัฐฯ มองว่าเศรษฐกิจเริ่มไม่ต้องการการอัดฉีดเพิ่มเติมแล้ว และมีแนวโน้มที่จะลดการทำ QE เรื่อยๆ รวมถึงเห็นแนวโน้มที่จะขึ้นดอกเบี้ยอีกด้วย ในตอนนั้นทำให้ทองคำร่วงจาก 1,800 ดอลลาร์ลงมาสู่ 1,200 ดอลลาร์ ซึ่งหลังจากมีวัคซีนออกมา เขาคิดว่าการทำ QE ของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ จนถึงขั้นขึ้นดอกเบี้ยได้
และการ์วีย์ยังคงให้ความเห็นเรื่องราคาทองกับเงินเฟ้ออีกด้วย เขามองว่าเงินเฟ้อจะต้องมาแน่ๆ ในอนาคต แต่ทองคำก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีในการลงทุนอยู่ดี เพราะมีทรัพย์สินอื่นที่น่าลงทุนกว่าทองคำ
นอกจากนี้ยังมีความย้อนแย้งคือถ้าเกิดเงินเฟ้อขึ้นจริงๆ ธนาคารจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ทองคำน่าสนใจลดลง ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ทาง Macquarie คาดว่าราคาทองคำจะลดลงเหลือ 1,550 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปีหน้า
“มาถึงตรงนี้ เชื่อว่าทุกคนคงเริ่มคิดแล้วว่าทองคำต้องเป็นขาลงแล้วแน่ๆ แต่หากเรามองย้อนไปเมื่อ 3-4 เดือนก่อนหน้า คงจำได้ว่าเราจะเห็นข่าวจากทุกสำนักออกมาบอกว่าราคาทองคำจะไปแตะ 2,500 ดอลลาร์ บางเจ้าก็บอกว่าจะไปถึง 5,000 ดอลลาร์ บทวิเคราะห์เหล่านี้ล้วนมาจากระดับมืออาชีพเหมือนตอนนี้ไม่มีผิด ผมกำลังจะบอกว่าในทุกๆ สถานการณ์ โดยทั่วไปในตลาดมักมีบทวิเคราะห์ที่ให้ความเห็นต่างกันอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อราคาเป็นตัวพิสูจน์ว่าของใครถูก บทวิเคราะห์อันนั้นมันก็จะดังเต็มโลกโซเชียลไปหมด ทำให้นักลงทุน 90% ได้แต่เสพสื่อแบบเดียวกัน จึงส่งผลให้ราคาวิ่งไปในทางนั้นรุนแรงยิ่งขึ้น หรือเรียกได้ว่ามักตื่นตระหนกไปในทางใดทางหนึ่งเกินไปเสมอ”
ธีรรัฐบอกว่าด้วยเหตุนี้จึงอยากเตือนนักลงทุนให้ระมัดระวัง อย่าตื่นตระหนกเกินไป หากวันข้างหน้าทองคำกลับมาขึ้นรุนแรงอีกก็คงจะได้เห็นเหตุผลมากมายว่ามันจะขึ้นไปอีกเต็มโลกโซเชียลเหมือนเดิม ดังนั้นไม่ว่าเหตุผลใดจะทำให้คุณเชื่อได้มากแค่ไหนก็ตาม เราต้องบริหารความเสี่ยงให้ดี เพื่อให้อยู่ในตลาดได้นานพอที่มันจะพิสูจน์ความจริง
“สำหรับผมแล้วมองว่าขาขึ้นของทองคำยังไม่จบ ข่าววัคซีนเป็นเพียงเกมหนึ่งในระยะสั้นเท่านั้น แต่ไม่ว่าผมจะพูดอะไรในตอนนี้คงไม่มีใครเชื่อ เพราะเข้าใจว่าหากราคายังไม่กลับมาเป็นขาขึ้นก็คงไม่มีใครอยากจะเชื่อแน่ๆ เหมือน 4 เดือนก่อนที่บทวิเคราะห์ว่าทองจะเป็นขาลง แต่ไม่มีใครสนใจนั่นแหละ…”
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/wealth/
#thestandardwealth
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์