วันนี้ (11 กรกฎาคม) ในการแถลงสถานการณ์โควิดประจำวัน โดยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. พล.อ. เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) เปิดเผยว่า หลังมีประกาศมาตรการล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวจาก ศบค. ในพื้นที่ 10 จังหวัดสีแดงเข้ม หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ศปม. จึงมีการดำเนินการตามประกาศดังกล่าวดังนี้
ตั้งจุดตรวจเพื่อบังคับใช้มาตรการห้ามออกนอกเคหสถาน ระหว่างเวลา 21.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่เป็นผู้ได้รับการยกเว้นตามข้อกำหนด หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่เป็นรายกรณี นอกเหนือจากห้วงเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน จะเป็นการตรวจตามมาตรการป้องกันและตรวจคัดกรองการเดินทางเข้า-ออกจังหวัดอย่างเข้มงวด ประกอบด้วย
- ในพื้นที่ กทม. ตั้งจุดตรวจ 88 จุด
- ปริมณฑล (ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม สมุทรปราการ และสมุทรสาคร) ตั้งจุดตรวจ 20 จุด
- 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (สงขลา นราธิวาส ยะลา ปัตตานี) ตั้งจุดตรวจ 39 จุด
จึงขอให้พี่น้องประชาชนชะลอหรือหลีกเลี่ยงการเดินทางข้ามจังหวัดโดยไม่จำเป็น
นอกจากนั้นยังจัดชุดตรวจ สายตรวจร่วม และชุดลาดตระเวนร่วมในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล เพื่อตรวจและกวดขันตามมาตรการที่กำหนด รวมทั้งบังคับใช้มาตรการห้ามจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 5 คน และรวมกลุ่มทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค
สำหรับจังหวัดอื่นๆ นั้นได้จัดตั้งจุดตรวจเพื่อคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้า-ออกจังหวัด โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจาก กทม. และปริมณฑล จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เพื่อติดตามและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด
โดย ศปม. ได้เริ่มจัดตั้งจุดตรวจ ชุดตรวจ และสายตรวจร่วม และชุดลาดตระเวนร่วมตั้งแต่บัดนี้ ในขั้นต้นจะเป็นการตรวจการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค การชี้แจงทำความเข้าใจ และขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน ก่อนที่จะบังคับใช้มาตรการตามข้อกำหนดในวันที่ 12 กรกฎาคม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะยึดหลักความเข้มงวดในการบังคับใช้มาตรการ และจะดำเนินการต่อผู้ละเมิดมาตรการอย่างเด็ดขาด สำหรับพี่น้องประชาชนโดยทั่วไปซึ่งได้ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดอาจได้รับผลกระทบบ้าง เจ้าหน้าที่จะดำเนินการโดยให้มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตให้น้อยที่สุด
ในบริเวณพื้นที่ชายแดนได้มีการเข้มงวดกวดขันการป้องกันและปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การลักลอบขนส่งยาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมายต่างๆ ตลอดจนการดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด โดยใช้กองกำลังป้องกันชายแดนในการจัดตั้งจุดตรวจจุดสกัด การลาดตระเวน โดยเฉพาะช่องทางธรรมชาติ โดยวางเครื่องกีดขวางและใช้เครื่องมือพิเศษเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น กล้องวงจรปิด กล้องตรวจการเวลากลางคืน อากาศยานไร้คนขับ และโดรน โดยทั้งได้รับความร่วมมือจากชุมชนเข้มแข็งบริเวณชายแดนในการให้เบาะแสข่าวสารต่อเจ้าหน้าที่
นอกจากนั้นยังได้ร่วมกับฝ่ายปกครองทำการสำรวจและตรวจสอบหมู่บ้านตามแนวชายแดน มีการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งจะเป็นที่พักรอของผู้ลักลอบเข้าเมือง ร่วมกับส่วนราชการเครือข่ายภาคประชาชน ในการจัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ทั้งแบบประจำที่และไม่ประจำที่ ลาดตระเวนเส้นทางตลอดแนวชายแดนและเส้นทางที่ใช้ในการลักลอบเข้าสู่พื้นที่ตอนใน
โดยประชาชนสามารถร้องเรียนการมั่วสุม การกระทำผิด พ.ร.ก. การไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน และการตรวจของเจ้าหน้าที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่สายด่วน 1111, 191, 1599 และ 1138 การดำเนินการของเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องได้รับการร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วนเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้