เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญเชิงพาณิชย์ที่ต้องจับตามองสำหรับแอปพลิเคชันอินสตาแกรม ที่ได้ประกาศฟีเจอร์ใหม่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ชื่อ Checkout ที่คนใช้สามารถเลือกช้อปสินค้าจากแอปฯ โดยตรงแบบ One-Stop-Service ไม่ต้องผ่านตัวเว็บไซต์ของแบรนด์อีกต่อไปเหมือนเมื่อก่อน โดยแค่ใส่รายละเอียดบัตรเครดิตหรือบัญชี PayPal อีเมล และที่อยู่จัดส่งครั้งแรก ครั้งต่อๆ ไปคุณก็ไม่ต้องเสียเวลากรอกใหม่ แถมอินสตาแกรมจะมีการแจ้งเตือนสถานะของที่สั่งผ่าน Tracking แบบ Real-time จนถึงตอนที่คุณได้รับสินค้า
สำหรับแบรนด์ที่ใช้ฟีเจอร์ Checkout ได้แล้วมีทั้ง Adidas, Anastasia Beverly Hills, Balmain, Burberry, ColourPop, Dior, H&M, Huda Beauty, KKW, Kylie Cosmetics, M·A·C Cosmetics, Michael Kors, NARS, Nike , NYX Cosmetics, Oscar de la Renta, Ouai Hair, Outdoor Voices, Prada , Revolve, Uniqlo, Warby Parker, Zara โดยฟีเจอร์นี้เป็นการตอกย้ำถึงบริษัทเฟซบุ๊กเจ้าของแอปฯ อินสตาแกรมที่เห็นอนาคตการสร้างรายได้จากการซื้อขายสินค้า ซึ่งทางอินสตาแกรมก็ได้ประกาศว่าตอนนี้มีผู้ใช้บริการกว่า 130 ล้านคนต่อเดือนที่แตะเช็กราคาสินค้าที่เป็นโพสต์ช้อปปิ้ง โดยทางเว็บไซต์ The Verge รายงานว่าทางอินสตาแกรมมีแนวโน้มอาจจะสร้างแอปฯ แยกออกมาเพื่อการช้อปปิ้งโดยเฉพาะ
สำหรับแบรนด์ที่ประกาศออกมาก็ถือว่ามีความน่าสนใจ เพราะมีฐานราคาที่แตกต่างกันออกไป ตั้งแต่แบรนด์ลักชัวรีราคาสูงอย่าง Dior และ Balmain จนถึงแบรนด์ระดับ Fast Fashion อย่าง H&M และแบรนด์เครื่องสำอางต่างๆ ซึ่งทางตัวแทนของอินสตาแกรมบอกว่าจะมีการคิดค่าบริการ ‘Selling Fee’ สำหรับแบรนด์ที่มาใช้บริการ Checkout เพื่อดูแลงานธุรกรรมต่างๆ
ต้องจับตาดูให้ดีว่าการตอบรับของฟีเจอร์ Checkout ในสหรัฐอเมริกาจะเป็นอย่างไร และจะถูกขยายไปยังประเทศอื่นๆ หรือไม่ แต่นักวิจารณ์ด้านเทคโนโลยีอย่าง เจค เวิร์ด แห่ง NBC ก็ได้บอกในรายการ The Today Show ว่าถึงแม้ฟีเจอร์นี้จะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญด้าน E-Commerce แต่อินสตาแกรมก็ต้องระวังเรื่องเสน่ห์ของแอปฯ คือการแชร์ประสบการณ์และเรื่องราวผ่านภาพและวิดีโอ แต่หากอินสตาแกรมจะผลักดันการซื้อขายมากจนเกินไป คนก็อาจจะหนีไปแล่นแอปพลิเคชันอื่นแทน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: