อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด Fed ประชุม 17-18 ก.ย. นี้ ลุยหั่นดอกเบี้ย ฉุดดอลลาร์อ่อน หนุนเงินบาทแข็ง ดึง Fund Flow เข้าซื้อหุ้นไทย พร้อมคาดว่า กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ช่วยดันหุ้นบวกได้อีก 50-80 จุด
เอกภาวิน สุนทราภิชาติ นักกลยุทธ์อาวุโสตลาดหุ้นและตลาดอนุพันธ์ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Morning Wealth ว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในสิ้นปี 2567 มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปถึงระดับเป้าหมายที่ 1,500 จุดได้ โดยประเมินกรอบดัชนีเป้าหมายแรกประเมินไว้ที่ระดับ 1,450 จุด และ 1,460 จุด หลังจากปัจจุบันที่ดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอยู่ที่บริเวณ 1,400 จุดแล้ว
ปัจจัยบวกจากหลายปัจจัย ทั้งจากกระแสเงินลงทุนจากต่างประเทศ (Fund Flow) ที่ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปรับตัวได้ค่อนข้าง Underperform เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยมีภาพการปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง
ด้านปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทย ปัจจุบันมีการซื้อ-ขายที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ P/E Ratio ในอดีตอยู่ที่ระดับ -1 ถึง -2 SD ส่งผลให้มูลค่าของหุ้นขณะนี้อยู่ในระดับที่ต่ำและมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น
คาด Fed หั่นดอกเบี้ย ฉุดดอลลาร์อ่อน ดึง Fund Flow เข้าหุ้นไทย
นอกจากนี้การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในวันที่ 17-18 กันยายนนี้ คาดว่า Fed น่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนของการดำเนินการนโยบายดอกเบี้ย ว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยลงในอัตรา 0.25% หรือ 0.50% ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลงต่อ ขณะที่แนวโน้มค่าเงินบาทมีทิศทางแข็งค่าได้อย่างต่อเนื่อง ในระยะสั้นให้เป้าหมายเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าแตะที่ระดับ 33 บาทต่อดอลลาร์ หรือ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ถือเป็นปัจจัยบวกที่จะช่วยสนับสนุนให้ Fund Flow ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทย
อย่างไรก็ดี หาก Fed มีการลดดอกเบี้ยแรงในอัตรา 0.50% อาจมีผลในการสร้างความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
ดังนั้นจึงคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่ Fed จะมีการทยอยลดดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปครั้งละ 0.25% ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยที่เพียงพอให้ Fund Flow ไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market: EM) อีกทั้งประเมินว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสที่จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงตาม Fed ด้วย ซึ่งน่าจะช่วยบรรเทาปัญหาการขาดสภาพคล่องหรือปัญหาหนี้ของประเทศไทยให้ทยอยดีขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนและเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทยที่จะเพิ่มเข้ามา
กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ช่วยปั๊มมูลค่าซื้อ-ขาย ดันหุ้นไทยบวก 50-80 จุด
อีกทั้งยังมีเม็ดเงินลงทุนจากทั้งกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ที่เริ่มเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนให้กับนักลงทุนแล้วตั้งแต่วันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา รวมทั้งในช่วงปลายปีนี้จะมีเม็ดเงินจากกองทุน ThaiESG เข้ามาลงทุนเพิ่มเติมด้วย
โดยบทบาทของกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ที่มีผลบวกตลาดหุ้นไทย คาดว่าจะมีทั้งเม็ดเงินการลงทุนที่เข้ามา ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนทั้งมูลค่าการซื้อ-ขายของตลาดหุ้นไทยให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาท รวมถึงมีผลต่อ Upside สนับสนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ระดับประมาณ 50-80 จุด อีกทั้งในช่วง 3 ปีข้างหน้าคาดว่า Earnings Growth จะเติบโตประมาณ 12% ต่อปี
“ปัจจัยบวกตลาดหุ้นไทยตอนนี้มีค่อนข้างเยอะ ทั้งกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง รวมถึงการที่ Fed เริ่มลดดอกเบี้ย รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะทยอยเข้ามาในช่วงครั้งหน้าจากนี้ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนได้” เอกภาวินกล่าว
แนะ 3 ธีมลงทุน อาศัยจังหวะหุ้นย่อตัวเข้าซื้อสะสม
สำหรับการลงทุน แนะนำให้อาศัยจังหวะในช่วงที่ดัชนีย่อตัว หรือหากดัชนีปรับตัวลงมาแรงเป็นจังหวะในการเข้าลงทุนซื้อสะสม โดยประเมินกรอบล่างไว้ที่ 1,420 จุด และ 1,400 จุด ซึ่งก็ถือเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ
โดยแนะนำหุ้นใน 3 ธีม ดังนี้
- หุ้นที่มูลค่ายังไม่แพง ซื้อ-ขายอยู่บน Price / Book ต่ำกว่า -1 SD ได้แก่ AP, GPSC, MGC และ AMATA
- หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลงคือ หุ้นกลุ่มลีสซิ่ง ได้แก่ MTC กลุ่มอสังหาริมทรัพย์คือ AP, กลุ่มค้าปลีกคือ CPALL, กลุ่มโรงไฟฟ้าคือ GULF และกอง REIT ได้แก่ LHHOTEL และ กองทุน DIF
- หุ้นกลุ่มที่เป็นเป้าหมายลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ที่อยู่ในหุ้นกลุ่ม SET100 ได้แก่ หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ได้แก่ BBL และ KTB รวมถึงหุ้นค้าปลีกคือ HMPRO ที่ราคาหุ้นยังเพิ่มขึ้นช้า
