×

5 องค์กรวิชาชีพทางการแพทย์ ให้ข้อมูล-คำแนะนำป้องกันโรคฝีดาษลิง ยืนยันยังไม่พบเชื้อในไทย

โดย THE STANDARD TEAM
26.05.2022
  • LOADING...
คำแนะนำป้องกันโรคฝีดาษลิง

วานนี้ (25 พฤษภาคม) 5 องค์กรวิชาชีพทางการแพทย์ ประกอบด้วย ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย, สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย, ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย, สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย และสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย

 

ออกคำชี้แจง เรื่อง โรคฝีดาษวานร หรือฝีดาษลิง โดยระบุว่า สถานการณ์ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชนเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่ามีการระบาดของโรคฝีดาษลิงในประเทศอังกฤษ แคนาดา สหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศที่ไม่เคยเป็นแหล่งระบาดของโรคนี้มาก่อน ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าจะกลายเป็นโรคระบาดใหญ่ สร้างความเสียหายในหลายด้านคล้ายกับโควิดนั้น

 

องค์กรวิชาชีพทางการแพทย์ขอให้ข้อมูลเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าใจวิธีปฏิบัติเพื่อความปลอดภัย และสามารถดำเนินกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างปกติ ดังนี้

 

  1. โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสที่อยู่ในสัตว์ฟันแทะที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา แล้วแพร่ไปสู่สัตว์ชนิดอื่น ที่มีรายงานครั้งแรกคือการติดเชื้อในลิงที่เลี้ยงไว้เป็นสัตว์ทดลอง จึงเรียกว่า ฝีดาษวานร หรือฝีดาษลิง สัตว์ตระกูลลิงไม่ใช่แหล่งรังโรค และยังไม่มีรายงานการพบเชื้อนี้ในสัตว์ประเภทฟันแทะในประเทศไทย

 

  1. การติดเชื้อที่มีรายงานในอดีต มักเกิดในสัตว์เลี้ยงหรือคนที่อยู่ใกล้ชิดกับสัตว์ฟันแทะ แต่การระบาดที่เกิดขึ้นขณะนี้ยังไม่ทราบต้นตอที่แน่ชัด คาดว่าน่าจะมีความเชื่อมโยงกับสัตว์ป่าในทางใดทางหนึ่ง ยังต้องรอการสอบสวนโรคอีกระยะเวลาพอสมควรก่อนที่จะชี้ชัดได้ว่าการระบาดมีมาจากสาเหตุใด

 

  1. การแพร่เชื้อจากผู้ป่วย อาจจะเริ่มตั้งแต่มีอาการไข้ และจะแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้มากที่สุดในช่วงระยะเวลาที่มีตุ่มน้ำตามตัว ซึ่งต่างจากโควิดที่สามารถแพร่ได้แม้ผู้ติดเชื้อยังไม่มีอาการ ดังนั้นจึงสามารถหลีกเลี่ยงการสัมผัสโรคได้ง่ายกว่า

 

  1. การระบาดในประเทศต่างๆ ยังไม่กว้างขวางมากถึงจุดที่จะต้องห้ามการเดินทางเข้ามาของคนจากประเทศนั้นๆ อย่างไรก็ตาม หากพบนักเดินทางจากประเทศที่มีรายงานการพบโรค มีอาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ แนะนำให้ไปรับการตรวจวินิจฉัยโดยเร็ว โดยเฉพาะผู้ที่มีผื่นและตุ่มน้ำใสตามแขนขาและใบหน้าหลังจากมีไข้แล้ว 2-3 วัน

 

  1. ถ้ามีการติดเชื้อ ส่วนใหญ่จะหายได้เองโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้ตามร่างกายหากไม่มีการติดเชื้อแทรกซ้อน ผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำอาจมีอาการรุนแรง องค์การอนามัยโลกระบุว่าโรคนี้มีอัตราตายประมาณ 3.6%

 

  1. หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับนักเดินทางที่มีอาการตามข้อ 4 และมาจากประเทศที่มีรายงาน

 

  1. การสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย และการล้างมือหลังการสัมผัสผู้ป่วย เป็นวิธีการที่ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อได้ดี

 

  1. หลีกเลี่ยงการนำสัตว์ป่ามาเลี้ยงหรือบริโภค เพราะอาจนำเชื้อก่อโรคชนิดใหม่ๆ รวมทั้งฝีดาษวานรมาติดและแพร่ระบาดได้

 

  1. วัคซีนป้องกันไข้ทรพิษจะป้องกันโรคฝีดาษวานรได้ด้วย แต่เนื่องจากประเทศไทยหยุดฉีดวัคซีนนี้มาหลายปีแล้ว ดังนั้นผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี น่าจะมีภูมิคุ้มกันโรคนี้จากการปลูกฝี แต่คนอายุน้อยอาจไม่มีภูมิคุ้มกัน แต่โอกาสที่โรคนี้จะแพร่มาถึงไทยเกิดได้น้อย จึงยังไม่มีความจำเป็นที่ประชาชนทั่วไปจะต้องเร่งรีบหาวัคซีนนี้
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X