วันนี้ (25 กันยายน) ที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการขึ้นบัญชีผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศว่า ขณะนี้อธิบดีกรมการปกครองมอบหมายให้ปลัดจังหวัดทำบัญชีมาแล้ว ถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก จากนั้นจะแยกประเภทสี-รูปแบบ ซึ่งตนเคยบอกไปแล้วว่าผู้มีอิทธิพลถ้าไม่เลิกเจอแน่ และเราจะไม่ทำแบบไฟไหม้ฟาง ไม่ใช่ตัวอยู่ในเรือนจำหรือหนีไปแต่อาณาจักรยังอยู่ แบบนี้ไม่ได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าได้เห็นตัวเลขผู้มีอิทธิพลแล้วหรือไม่ว่ามีจำนวนเท่าใด ชาดากล่าวว่า 76 จังหวัดก็ต้องเยอะ ถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่ใช่ปัญหา เรากำลังปรับข้อมูล เพราะบางคนเสียชีวิต ขอเรียนว่าถ้าคนไหนที่ยังไม่เลิกก็ต้องปรับตัวใหม่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการทบทวนการครอบครองอาวุธปืนสวัสดิการหรือไม่ ชาดากล่าวว่าต้องทบทวน นายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้นโยบายไว้แล้ว และถ้าใครมีชื่อผู้มีอิทธิพลเราจะตรวจสอบทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องปืน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าต่อไปหลักเกณฑ์การจัดซื้ออาวุธปืนสวัสดิการจะต้องมีการเข้มงวดขึ้นหรือไม่ ชาดากล่าวว่าก็ต้องเข้มงวดขึ้น ขึ้นอยู่กับว่าพอหรือยัง เยอะเกินไปหรือไม่ สำหรับปืนในประเทศนี้ และปืนสวัสดิการมันจะเยอะเกินไปหรือไม่ ตนก็ไม่กล้าก้าวล่วงไป
“ปืนทุกกระบอกต้องเก็บนิติวิทยาศาสตร์ ปืนที่ออกจากร้านค้าปืนต้องมีรอยหัวกระสุน มีการเก็บข้อมูล เก็บลำกล้อง เก็บลายเส้น เก็บหัวกระสุน เก็บปลอกกระสุนไว้ เมื่อไปก่อเหตุอาชญากรรมที่ไหนต้องรู้ได้เลย งบประมาณไม่มีก็ต้องทำ โลกยุคใหม่ต้องไปอย่างนั้นแล้ว” ชาดากล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าถึงกรณี นิยม นพรัตน์ หรือ เค สามถุยส์ เตรียมยื่นให้ตรวจสอบ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล อยู่ในบัญชีผู้มีอิทธิพลในจังหวัดนครปฐมหรือไม่ ชาดากล่าวติดตลกว่า น่าจะอยู่ในบัญชีคนสวยปากจัด ก่อนจะหัวเราะและเดินออกจากวงสัมภาษณ์