เงินเฟ้อกระทบการจับจ่ายผู้บริโภค ธุรกิจทีวีแห่ลดราคาเฉลี่ย 17% รับกระแสลูกค้าหันอัปเกรด TV เพิ่มความบันเทิงมากขึ้น พร้อมอัดโปรโมชัน จับนักช้อปในช่วง Black Friday-Cyber Monday ขณะที่ปัจจัยเรื่องชิปขาดแคลนยังต้องจับตา เพราะอาจทำให้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น
CNBC รายงานว่า ทีวีเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคเพียงไม่กี่รายการที่ค้าปลีกจะนำมาลดราคาในช่วงวัน Black Friday และ Cyber Monday เห็นได้จากในปีที่ผ่านมาค้าปลีกลดราคาทีวีเฉลี่ย 17% เพื่อดึงดูดการจับจ่ายของผู้คนในช่วงเทศกาลดังกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- นักเศรษฐศาสตร์ฟันธง เงินเฟ้อ ทั่วโลกผ่านจุดพีค แต่จะไม่กลับไปต่ำเท่ากับช่วงก่อนโควิด
- ความมั่งคั่งจากหุ้นของชาวอเมริกันหายไปกว่า 9 ล้านล้านดอลลาร์ จากที่เคยเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวหลังวิกฤตโควิด
- นักวิเคราะห์ชี้พิษนโยบาย Fed เป็นเหตุทำตลาดหุ้นทั่วโลกปั่นป่วน
โดยเฉพาะบรรดาแบรนด์ชื่อดังกระหน่ำโปรโมชันอย่างหนัก ได้แก่ Samsung ขนาด 75 นิ้ว ราคา 580 ดอลลาร์ ตามด้วย LG ขนาด 70 นิ้ว ราคา 550 ดอลลาร์ และ Toshiba ขนาด 32 นิ้ว ราคา 80 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับราคาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ส่งผลให้ผู้บริโภคกว่า 38% ต่างรอซื้อสินค้าทั้งทีวีและสินค้าเทคโนโลยีต่างๆ ในช่วงลดราคา แม้อาจไม่ใช่รุ่นที่ดีที่สุด แต่ขอแค่มีคุณสมบัติตามที่ต้องการ
แต่สิ่งหนึ่งที่ควรระวัง บางครั้งร้านค้าปลีกที่ขายทีวีรุ่นพิเศษในวัน Black Friday สินค้าตัวนั้น อาจมีส่วนประกอบหรือคุณสมบัติที่ขาดหายไป เมื่อเทียบกับรุ่นแบบดั้งเดิม ซึ่งผู้บริโภคควรตรวจสอบหมายเลขรุ่น และสอบถามพนักงานหน้าร้านอย่างละเอียด
Rick Kowalski ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์อุตสาหกรรมและข่าวกรองธุรกิจของสมาคมเทคโนโลยี กล่าวว่า ในเดือนตุลาคม 2022 ราคาทีวีลดลงเกือบ 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน ตามดัชนีราคาผู้บริโภค
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อสูงนั้น ทำให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มสูงลิ่ว เมื่อเปรียบเทียบกันดัชนีที่เพิ่มขึ้น 7.7% ในเดือนตุลาคม เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าระดับสูงสุดเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ยังคงอยู่ใกล้ระดับที่ไม่เคยเห็นมาตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1980
จากเดิมแล้วทีวีและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วไปจะมีราคาถูกลงเมื่อเทคโนโลยีถูกพัฒนาขึ้น แต่ยิ่งตลาดมีความต้องการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้อัปเกรดความบันเทิงในบ้าน โดยเฉพาะในช่วงโควิดมากขึ้น อาจเป็นเหตุผลทำให้ราคาขยับขึ้น
ขณะเดียวกัน ชิปคอมพิวเตอร์ก็ขาดตลาด และห่วงโซ่อุปทานกว้างขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ทั่วโลกเปิดประเทศพร้อมกัน ทำให้วัตถุดิบถูกจำกัด และเกิดความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทาน จากนี้ไปอาจเป็นผลให้ราคาทีวีเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 13%
ทั้งนี้ราคาจะลดลงอีกครั้ง ก็ต่อเมื่อผู้ผลิตเร่งการผลิตขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ กระจายไปช่องทางค้าปลีก เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
และหากย้อนไปในช่วงปี 2021 จะเห็นว่าอเมริกานำเข้าทีวี 46.5 ล้านเครื่อง ซึ่งเป็นปีที่มีการบันทึกว่าสูงที่สุด ถ้าเทียบกับก่อนหน้านี้ที่นำเข้าประมาณ 40 ล้านเครื่อง
อ้างอิง: