สำนักงานตำรวจแห่งชาติอินโดนีเซียรายงานว่าตำรวจจับกุมกลุ่มผู้ประท้วงที่เข้าร่วมการชุมนุมต่อต้านกฎหมายสร้างงานฉบับใหม่ทั่วประเทศในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ 3,862 คน
โดยในจำนวนผู้ถูกจับกุม มีทั้งกลุ่มแรงงาน นักศึกษา และกลุ่มผู้ก่อความวุ่นวายที่ทางการเรียกว่ากลุ่มอนาธิปไตย ซึ่งมีเกือบ 800 คน
นอกจากนี้พบว่ามีผู้บาดเจ็บจากเหตุปะทะในระหว่างประท้วงจำนวน 129 คน ขณะที่ทางการยังเปิดเผยว่า ผู้ประท้วง 145 คนที่ถูกจับในหลายพื้นที่ ทั้งที่กรุงจาการ์ตา จังหวัดสุมาตราเหนือ สุมาตราใต้ สุลาเวสีใต้ และจังหวัดชวาตะวันตกนั้นมีผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวก
เหตุประท้วงดังกล่าวปะทุขึ้นตั้งแต่วันอังคาร (6 ตุลาคม) ที่ผ่านมา โดยมีชนวนจากการผลักดันร่างกฎหมายสร้างงานฉบับใหม่ ที่กลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องให้ถอนออก เนื่องจากมองว่าตัดทอนสิทธิของกลุ่มแรงงาน และทำให้สภาพแวดล้อมในการทำงานย่ำแย่ลง เช่น การลดค่าแรง เปลี่ยนการจ่ายเงินเดือนเป็นค่าแรงรายชั่วโมง เพิ่มการจ้างแรงงานภายนอก หรือ Outsource และยกเลิกข้อจำกัดในการใช้แรงงานต่างด้าว
ขณะที่ประธานาธิบดีโจโก วีโดโด ผู้ผลักดันกฎหมายฉบับนี้ แถลงเมื่อวันศุกร์ (9 ตุลาคม) ว่าเนื้อหากฎหมายมุ่งปรับปรุงสวัสดิการแรงงานและดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ ซึ่งเขามองว่าการประท้วงที่ลุกลามไปทั่วประเทศนั้นมาจากการสร้างข่าวปลอมและการบิดเบือนข้อมูล
“สิ่งที่ผมเห็นคือการประท้วงอย่างกว้างขวางต่อกฎหมายการสร้างงาน ซึ่งมีแรงขับเคลื่อนจากการบิดเบือนข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อหากฎหมายและการสร้างข่าวปลอมทางโซเชียลมีเดีย” วีโดโด กล่าว
ทั้งนี้สถานการณ์ประท้วงบานปลายเป็นความรุนแรงและการก่อจลาจลในหลายเมืองทั่วประเทศเมื่อวันพฤหัสบดี (8 ตุลาคม) ที่ผ่านมา โดยในกรุงจาการ์ตามีป้ายรถประจำทาง ป้อมตำรวจ รถยนต์ และสิ่งของต่างๆ ถูกเผาและทุบทำลายจำนวนมาก คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 3.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 114 ล้านบาท
แต่ล่าสุดสถานการณ์ในเมืองต่างๆ กลับสู่ภาวะปกติแล้ว และทางการกำลังเร่งทำความสะอาดซากความเสียหายที่เกิดขึ้น
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: